“โรคเบาหวาน” เรื่องไม่เล็กสำหรับเด็กและวัยรุ่น

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

พฤ. 26/03/2020

แชร์


Loading...
“โรคเบาหวาน” เรื่องไม่เล็กสำหรับเด็กและวัยรุ่น

โดยทั่วไปแล้วโรคเบาหวานมักจะพบในผู้สูงอายุและในคนที่มีรูปร่างอ้วน กินหวานมาก ไม่ออกกำลังกาย และมีกรรมพันธุ์เป็นโรคเบาหวานเท่านั้น ซึ่งความเชื่อเหล่านั้นถูกต้องเพียงแค่ส่วนเดียว….ซึ่งปัจจุบันเราพบว่าอุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นมีจำนวนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการศึกษาในเชิงระบาดวิทยา พบอุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ในประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถพบเจอได้ตั้งแต่เด็กวัยก่อนเรียน จนกระทั่งวัยรุ่น ส่วยในเบาหวานชนิดที่ 2 นั้น มักจะพบในเด็กช่วงกำลังเข้าวัยรุ่น

ภาวะโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นนั้นก่อให้เกิดปัญหาต่างๆได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากกว่าวัยผู้ใหญ่และปัญหาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้บ่อยเมื่อผู้ป่วยเด็กเจริญเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ ดังนั้นหากเรียนรู้ที่จะป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธีก็จะสามารถลดภาระดังกล่าวลงไปได้มาก

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นนั้นวินิจฉัยเช่นเดียวกับผู้ใหญ่

    1. ตรวจน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหารที่มีพลังงานเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง เกิน 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป อย่างน้อย 2 ครั้ง
    2. ตรวจน้ำตาลในเลือดหลังกลืนน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
    3. ตรวจน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มโดยไม่ได้งดอาหารที่ให้พลังงาน เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ร่วมกับมีอาการที่เข้าได้กับโรคเบาหวานเช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย เป็นต้น
      • เบาหวานชนิดที่ 1 : ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาทำลาย เบต้าเซลล์ที่อยู่ในตับอ่อนทำให้ไม่สามารถสร้างอินซูลินได้อย่างเพียงพอที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือด ก่อให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติและมีภาวะกรดคีโตนเกินในเลือด ซึ่งจะทำให้มีอาการ กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยเพลีย น้ำหนักลด ปวดจุกแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน เบาหวานชนิดนี้เชื่อว่าเกิดความผิดปกติของยีนส์บางชนิดที่ควบคุมการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย
      • เบาหวานชนิดที่ 2 : โรคสัมพันธ์โดยตรงกับภาวะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและสัมพันธ์กับภาวะอ้วน เนื่องจากประชากรไทยมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนแปลง บริโภคน้ำตาลและไขมันมากขึ้นและลดการออกกำลังกายลง รวมไปถึงการพักผ่อนที่น้อยลงและไม่เป็นเวลาจึงก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและไปลดลงการทำงานของเบต้าเซลล์

การป้องกันโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น
ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่สามารถพบวิธีป้องการเกิดเบาหวานชนิดที่ 1 ได้แต่สามารถวินิจฉัยและรักษาให้อย่างรวดเร็วและถูกวิธี โรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถที่จะป้องกันรักษาได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น การตั้งครรภ์ควบคุมน้ำหนักให้ขึ้นในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ขึ้นลงมากเกินไปและระวังเรื่องการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์

การเลี้ยงดู การรับประทานอาหาร ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมัน เน้นโปรตีนและผัก-ผลไม้ รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมเช่นออกกำลังกาย วิ่งเล่น เล่นกีฬา ก็สามารถป้องกันการเกิดภาวะเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นได้

การรักษาโรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น

  • การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 รักษาโดยการใช้ยาฉีดอินซูลินเท่านั้น โดยใช้ปริมาณอินซูลินในระดับที่เหมาะสมในการลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกกรณฑ์ปกติ ไม่ให้เกิดกรดคีโตนในเลือดและจะต้องไม่มีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอีกด้วย การรักษาในระยะเริ่มแรกนั้นการปฏิบัติถือเป็นเรื่องที่ยากมากและต้องอาศัยความอดทน ความพยายามอย่างมากที่จะเรียนรู้ อย่างไรก็ตามหากแพทย์ผู้ป่วยและผู้ปกครองสามารถจับหลักในการรักษาได้แล้วก็จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ใช้ยารับประทานลดระดับน้ำตาลควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร รวมไปถึงการควบคุมความดันโลหิต ไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ในวัยรุ่นนั้นการควบคุมในเรื่องของการรับประทานยาและการควบคุมอาหารเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่เปลี่ยนแปลงทางกายค่อนข้างเยอะ ทั้งด้านสรรีระและฮอร์โมนจึงส่งผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินที่เพิ่มขึ้น การควบคุมระดับน้ำตาลรวมไปถึงอารมณ์จึงยากขึ้นตาม

ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปกติเพื่อลดการเกิดโรคแทรกซ้อน จึงต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้งผู้ป่วย ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการแพทย์ ให้ความรู้และชี้ให้เห็นถึงผลดีของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและผลเสียของการไม่ควบคุม รับรู้ถึงปัญหาจิตใจของผู้ป่วย ปมต่างๆที่อาจเป็นอุปสรรคในการรักษาและให้เวลากับผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นพิเศษ


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...