“เช้าไม่อยากตื่น สายอยากกินของหวาน บ่ายเริ่มง่วง เย็นสดชื่น ยิ่งดึกยิ่งตาสว่าง” หากคุณมีอาการแบบนี้บ่อยๆ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะอาจเป็นสัญญาณของ “ต่อมหมวกไตล้า” ที่คุณเป็นอยู่แต่ไม่รู้ตัว ดังนั้นเราไปเจาะลึกแนวทางการตรวจเพื่อทำให้ทราบถึงต้นตอของอาการกันดีกว่า
ต่อมหมวกไต มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอล(Cortisol)ซึ่งต่อมหมวกไตจะหลั่งคอร์ติซอลออกมาเมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ทั้งความเครียดที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน และความเครียดของร่างกายที่เกิดได้ในหลายสถานการณ์ เช่น เครียดเพราะป่วย ไม่ได้กินอาหารเช้า หรือเพราะนอนดึก เป็นต้น
คุณหมอ อธิบายว่า คอร์ติซอลที่หลั่งออกมา เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ลดการอักเสบของร่างกาย แต่เนื่องจากวิถีชีวิตในปัจจุบันทำให้เราต้องเผชิญความเครียดตลอดเวลา ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งคอร์ติซอลสู้กับความเครียดตลอด เป็นต้นเหตุให้ต่อมหมวกไตล้า เพราะร่างกายผลิตคอร์ติซอลออกมาสู้กับความเครียดไม่ทัน
เช็กลิสต์!! อาการแบบไหน เสี่ยงต่อมหมวกไตล้า พบแพทย์ด่วน
อาการของภาวะต่อมหมวกไตล้าที่พบโดยส่วนใหญ่ มักมีวงจรชีวิตในแต่ละวัน ดังนี้
- ตอนเช้า ไม่อยากตื่น ไม่สดชื่น ไม่มีแรง ไม่กินอาหารเช้า
- ตอนสาย ไม่สดชื่น โหยหาการเติมพลังงานเช่นกาแฟ ของหวาน เพราะทำให้รู้สึกดี
- หลังเที่ยง เริ่มง่วง ไม่สดชื่น
- ตอนบ่าย จะสดชื่นเมื่อได้ดื่มหรือกินของหวาน
- ประมาณ 18.00 น. ร่างกายรู้สึกดี
- 21.00-22.00 น. รู้สึกสดชื่น ตาสว่าง ซึ่งความจริงควรเป็นเวลานอน
- 02.00-03.00 น. เริ่มง่วงและนอนหลับ
มีอาการต่อมหมวกไตล้า อย่ารอช้า ควรรีบพบแพทย์
ใครก็ตามที่มีอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดทางห้องปฏิบัติการ เพื่อค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เพราะหากพบปัญหาภาวะต่อมหมวกไตล้า จะได้รีบแก้ไขให้ตรงกับสาเหตุ โดยเฉพาะการกำจัดความเครียดที่มีอยู่ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลกระทบกับฮอร์โมนชนิดอื่นๆ ในร่างกาย ทำให้เพิ่มอาการป่วยได้อีกหลายอย่าง
ความร่วมมือของคนไข้ กุญแจสำคัญของการรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้า
การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้า แพทย์จะเน้นเรื่องการปรับไลฟ์สไตล์ของคนไข้เป็นหลัก โดยจะพูดคุยกับคนไข้เพื่อหาแนวทางรักษา โดยมุ่งไปที่ต้นเหตุของความเครียด ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การนอน การรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวัน และให้รับประทานวิตามินรวมทั้งอาหารเสริมตามความเหมาะสมเป็นรายบุคคล ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับการทำงานของต่อมหมวกไต และเป็นแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
อยากย้ำว่า! คนไข้ที่มีปัญหานี้ไม่ได้เป็น “คนขี้เกียจ” แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมและความเครียดจนทำให้ต่อมหมวกไตล้า ทางที่ดีคือไปพบแพทย์เพื่อวางแผนสุขภาพ และมีแนวทางในการปรับพฤติกรรมเพื่อความห่างไกลจากความเครียด ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว