ปวดประจำเดือน ตกขาวมามาก เช็กหน่อย...ว่าเสี่ยง “มดลูกผิดปกติ” อยู่หรือเปล่า?

ปวดประจำเดือน ตกขาวมามาก เช็กหน่อย...ว่าเสี่ยง “มดลูกผิดปกติ” อยู่หรือเปล่า?

“มดลูก” อวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงที่มีความสำคัญมาก แต่กลับพบว่า ในปัจจุบันผู้หญิงไทยช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ต้องเข้ารับการรักษาและตัดมดลูกทิ้งเป็นจำนวนกว่า 70,000 คนต่อปี ทั้งที่จริงๆ แล้ว…แค่รู้จักปรับลดพฤติกรรมต้นเหตุของความเสี่ยงก็ช่วยเลี่ยงภาวะมดลูกผิดปกตินี้ได้!

 

4 ปัจจัยสำคัญ…แค่ปรับก็ลดเสี่ยงมดลูกผิดปกติ

  • ความเครียด – หนึ่งในศัตรูตัวร้ายที่คอยบั่นทอนสุขภาพของร่างกายให้แย่ลง เมื่อความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ต่อมใต้สมองที่มีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนไปควบคุมการทำงานของรังไข่ให้เกิดการตกไข่เป็นประจำทุกเดือนนั้นหยุดลง ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ขาดหาย คลาดเคลื่อน มามากหรือมาน้อยผิดปกติ
  • อาหาร – เพราะอาหารบางประเภท มีฮอร์โมนเอสโตรเจนปะปนอยู่จำนวนมาก เมื่อทานอาหารประเภทนั้นบ่อย ๆ เป็นประจำ ก็จะเกิดการสะสม และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมดลูกผิดปกติได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่นชอบการทานอาหารหวานหรือขนมหวานต่างๆ มากเกินไป อาจทำให้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดซีสต์ที่มดลูกหรือรังไข่ได้มากขึ้น
  • อ้วนหรือผอมเกินไป – การที่เรามีรูปร่างอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไปนั้น คือปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อการหลั่งฮอร์โมนที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรังไข่ ทำให้คนกลุ่มนี้มักมีปัญหาประจำเดือนคลาดเคลื่อน หรือมีเลือดออกผิดปกติได้
  • เพศสัมพันธ์ – การมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ พฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ทำให้มีโอกาสรับเชื้อที่มีผลต่อการเกิดอุ้งเชิงกรานอักเสบได้มากขึ้น

นอกจากพฤติกรรมในแง่ลบที่ทำร้ายมดลูกแล้ว ระบบภายในร่างกายทำงานบกพร่อง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ทำให้การผลิตฮอร์โมนควบคุมการทำงานของรังไข่ทำงานผิดปกติตามไปด้วย ส่งผลให้สภาพของรังไข่และมดลูกไม่สมบูรณ์

 

เช็กอาการหน่อยไหม? คุณเสี่ยงมดลูกผิดปกติอยู่หรือเปล่า

ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่มดลูก เพราะมักไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าที่ควรซึ่ง อาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะมดลูกผิดปกติ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนได้ตรวจเช็คตัวเอง ดังนี้…

  • ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ และมีประจำเดือนออกมาเป็นสีดำคล้ำหรือเป็นลิ่มเลือด เพราะภายในมดลูกมีสิ่งตกค้างอยู่ มดลูกจึงพยายามบีบตัวเพื่อขับให้ของเสียออกมา ทำให้เกิดอาการปวดท้องมากกว่าปกติ
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ มามากบ้างน้อยบ้าง หรือเลื่อนออกไป บางครั้งไม่มาเลย 2-3 เดือน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอร์โรนทำงานไม่ปกติ
  • มีอาการตกขาวตลอดทั้งเดือน ปกติผู้หญิงจะมีอาการตกขาวก่อนมีประจำเดือนประมาณ 2-3 วัน และหลังจากหมดประจำเดือนก็จะเป็นปกติ หากมีอาการตกขาวตลอดจึงแสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น
  • ช่องคลอดมีกลิ่นและติดเชื้อง่าย เนื่องจากมีของเสียสะสมภายในมดลูก กลิ่นจะมีอยู่ตลอดแม้ว่าจะพยายามดูแลความสะอาดช่องคลอดเป็นอย่างดีก็ตาม
  • ช่องคลอดขยายตัวไม่กระชับ ที่เป็นแบบนี้เพราะมดลูกพยายามขับของเสียที่ตกค้างอยู่ให้ออกไป ช่องคลอดจึงขยายตามเพื่อช่วยมดลูกอีกทางหนึ่ง
  • ช่องคลอดแห้ง เพราะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยเพิ่มความชุมชื้นให้กับช่องคลอด
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เนื่องจากหูรูดหย่อน หรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้ จะเบ่งก็ไม่ได้ เนื่องจากมดลูกเคลื่อนต่ำลงมากดทับท่อปัสสาวะ ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยๆ ซึ่งหากอาการนี้แสดงให้เห็นว่ามดลูกมีอาการผิดปกติมากแล้ว
  • มดลูกคล้อยต่ำ เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วจึงเกิดอาการเจ็บ เพราะมดลูกถูกอวัยวะเพศชายโดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบ
  • มีบุตรยาก เมื่อตั้งท้องแล้วมีโอกาสแท้งสูง

 

ก่อน “ตัดมดลูกทิ้ง” มาทำเข้าใจเรื่องการผ่าตัดมดลูกแต่ละวิธีกัน

  • ผ่าตัดมดลูกเปิดหน้าท้อง เป็นวิธีการดั้งเดิม โดยทั่วไปถือว่าเป็นวิธีมาตรฐานในการผ่าตัด

ข้อดี: แพทย์สามารถเปิดเป็นแผลยาวและสามารถขยายแผลได้ ทำให้มองเห็นอวัยวะภายในของคนไข้ได้ชัดเจน และมักมีการใช้แพทย์ในการผ่าตัดหลายคน จึงมีความรวดเร็วในการผ่าตัด

ข้อเสีย: เพราะแผลมีขนาดใหญ่มาก คนไข้จึงรู้สึกเจ็บแผลมาก และมีโอกาสในการติดเชื้อและแผลปริแยกได้ง่าย

 

  • ผ่าตัดมดลูกผ่านกล้องทางหน้าท้อง โดยแพทย์จะเจาะรูประมาณ 3-4 แผล ขนาดประมาณ 3-10 มิลลิเมตร

ข้อดี: คนไข้รู้สึกเจ็บแผลน้อยกว่า มีการเสียเลือดน้อยกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง

ข้อเสีย: หลังผ่าตัดจะเกิดรอยแผลเล็กๆ ทำให้คนไข้มีความกังวลเกี่ยวกับการสวยงามตรงบริเวณหน้าท้อง

 

  • ผ่าตัดมดลูกผ่านกล้องทางสะดือ อาจเรียกว่าเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเดี่ยว โดยแพทย์จะใช้เทคนิคการซ่อนแผลในสะดือ

ข้อดี: ขนาดแผลจากการผ่าตัดจะเล็กมาก ประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร โดยเมื่อแผลหายดีแล้วจะไม่เห็นรอยแผล

ข้อเสีย: เนื่องจากตำแหน่งในการผ่าตัดแคบ ทำให้ไม่เหมาะกับเคสคนไข้ที่ต้องใช้ความละเอียดสูง

 

  • ผ่าตัดมดลูกผ่านกล้องทางช่องคลอด โดยแพทย์จะสอดกล้องผ่านทางช่องคลอด ทำให้การผ่าตัดวิธีนี้ไม่มีแผลให้เห็นเลย

ข้อดี: การผ่าตัดนี้ไม่เพียงไร้แผล แต่คนไข้ยังฟื้นตัวเร็ว สามารถลุกเดินได้ภายใน 1 วัน และไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ อาจมีเพียงอาการหน่วงๆ เท่านั้น

ข้อเสีย: เนื่องจากเป็นการสอดกล้องจากมุมข้างล่างซึ่งมีความแคบ ทำให้การมองเห็นอวัยวะข้างบนไม่ชัดเจน แพทย์ที่ทำการผ่าตัดจึงต้องมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก

 

หลักการพิจารณา…ก่อนตัดสินใจรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง

เพราะคนไข้ส่วนใหญ่มักกังวลเรื่องขนาดแผล ความเจ็บปวดหลังผ่าตัด และระยะเวลาพักฟื้น ทำให้การผ่าตัดผ่านกล้องกลายเป็นตัวเลือกที่คนไข้ให้ความสนใจ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง การผ่าตัดวิธีนี้จึงไม่เหมาะสมกับคนไข้ทุกราย โดยแพทย์จะพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้…

  • พิจารณาว่าคนไข้มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการผ่าตัดหรือไม่ เช่น โรคหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือโรคปอด
  • พิจารณาจากโรคทางนรีเวชของคนไข้ เช่น ขนาดของก้อนเมื่อเทียบกับการตั้งครรภ์ไม่เกิน 16 สัปดาห์ เพราะก้อนที่ใหญ่จะยิ่งเพิ่มเวลาในการผ่าตัดให้นานขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะที่จะเกิดฟองอากาศอุดตันหลอดเลือดมากยิ่งขึ้น
  • พิจารณาจากพังผืดในช่องท้อง หรือโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง..ว่ามีหรือเปล่า เพราะหากคนไข้มีเชื้อเซลล์มะเร็งอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้ ควรเลือกการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องจะดีกว่า

 

ไม่อยากต้องผ่าตัดมดลูก! มาดูแลมดลูกให้แข็งแรง..ด้วยการปรับพฤติกรรม

  • ปรับจิตใจให้สดใสร่าเริงเสมอ…เลิกสะสม “ความเครียด”
  • เลี่ยงอาหารหวาน ขนมหวาน หรืออาหารเค็ม ของหมักดอง แล้วเน้นทานผักผลไม้
  • ไม่สำส่อนทางเพศ เพราะการติดเชื้อคือต้นเหตุของการอักเสบรุนแรง
  • ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ “ต้อง” ใส่ใจในเรื่องความสะอาด
  • ดูแลความสะอาดให้ดี เมื่อต้องใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ เพราะเป็นอีกแหล่งแพร่เชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะมดลูกหย่อนได้
  • ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการบริหารอุ้งเชิงกราน โดยขมิบเกร็งค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อยๆ ผ่อนคลาย ทำซ้ำแบบเดิมต่อเนื่องกัน 20-30 ครั้ง

 

ในการตัดมดลูกทิ้ง ไม่เพียงต้องใส่ใจความปลอดภัยทางกาย แต่แพทย์ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพทางใจของคนไข้ เช่น การอธิบายถึงตัวโรคและวิธีการผ่าตัดที่ชัดเจนกับคนไข้ รวมทั้งความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนไข้อุ่นใจและคลายกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดมดลูกได้!!


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...