เชคให้ชัวร์ แค่ปวดท้อง “โรคกระเพาะ” หรือมี “นิ่วในถุงน้ำดี” กันแน่

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

พฤ. 07/05/2020

แชร์


Loading...
เชคให้ชัวร์ แค่ปวดท้อง “โรคกระเพาะ” หรือมี “นิ่วในถุงน้ำดี” กันแน่

หลายคนอาจจะแยกไม่ออก เพราะแม้แต่คุณหมอเองก็บอกว่าลักษณะอาการปวดท้องของโรคกระเพาะกับโรคนิ่วในถุงน้ำดีนั้นช่างคล้ายกันเหลือเกิน จึงไม่แปลกที่หลายคนอาจหลงเข้าใจผิดกันได้ แต่เมื่อสังเกตอาการแบบเจาะลึกแล้ว ก็พอจะมีข้อสังเกตที่ชี้ชัดว่าอาการปวดท้องที่เป็นอยู่นั้นเป็นแค่โรคกระเพาะหรือเป็นนิ่วในถุงน้ำดีกันแน่

4 อาการเบื้องต้น ที่ต้องตั้งข้อสังเกต

  • ท้องอืด แน่นท้อง หลังทานอาหารมื้อใหญ่

อาการนี้เรียกว่าเป็นอาการยอดฮิตที่ผู้ป่วยมักจะเป็น โดยจะรู้สึกเหมือนมีลมอยู่เต็มกระเพาะ แน่นท้องเหมือนกับอาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ๆ หรืออาหารมันๆ ซึ่งจะรู้สึกปวดเป็นพักๆ ปวดเป็นชั่วโมงๆ แล้วก็หายไป

  • ปวดมาก บางครั้งราวไปถึงหลัง

อีกหนึ่งอาการที่ทำให้หลายคนสับสน เพราะเมื่อรู้สึกปวดท้อง ก็มักทานยาโรคกระเพาะเข้าไป แล้วอาการก็เหมือนจะดีขึ้น แต่อีกซักพักก็กลับมาปวดใหม่ โดยมักจะปวดแถวยอดอก ลิ้นปี่ หรือในบางรายอาจปวดร้าวทะลุไปถึงหลังเลยก็มี

  • คลื่นไส้ อาเจียน

หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการแทรกซ้อน เช่น มีนิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปถึงลำไส้ เกิดการอุดตัน ก็อาจมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วยได้เช่นกัน

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง

ในรายที่นิ่วนั้นตกลงไปอุดตันที่ท่อน้ำดีใหญ่ อาจส่งผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตับอ่อนมีอากาอักเสบ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้

“ปวดเรื้อรัง…มีไข้” จุดสังเกต แยกความแตกต่าง

แม้ว่าอาการของนิ่วในถุงน้ำดีจะเหมือนกับโรคกระเพาะ แต่จะสังเกตได้ว่าอาการปวดท้องหลังทานอาหารมื้อใหญ่ๆ หรืออาหารมันนั้นจะเป็นอยู่อย่างเรื้อรัง แม้ว่าจะรักษาด้วยยาโรคกระเพาะอย่างดีแล้วก็ตาม ซักพักอาการปวดท้องนั้นก็จะกลับมาเป็นใหม่ และอีกหนึ่งจุดสังเกตก็คือ เมื่อเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี คนไข้มักจะมีไข้ร่วมด้วยกับอาการปวดท้อง ซึ่งเกิดจากการอักเสบของถุงน้ำดี โดยหากเป็นเพียงแค่โรคกระเพาะอาหารนั้นผู้ป่วยจะไม่มีไข้นั่นเอง


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...