สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญ เปรียบดั่งศูนย์สั่งการให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ นอกจากมีกระโหลกเป็นปราการสำคัญ เราทุกคนยังมีเยื่อหุ้มสมอง ห่อหุ้มเนื้อสมองถึง 3 ชั้น แต่หากมีการอักเสบเกิดขึ้นตั้งแต่ชั้นเยื่อหุ้มสมองไปจนถึงเนื้อสมอง ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที โดย พญ.ชิดชนก เธียรผาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ระบบประสาท คลินิกเด็กสุขภาพดี รพ.พญาไท 3 บอกว่า เพราะมีอัตราการเสียชีวิตและอัตราความพิการสูงมาก ดังนั้น พ่อแม่ และผู้ดูแลจึงควรสังเกตอาการเบื้องต้นของลูก หากพบว่ามีอาการให้รีบนำส่งแพทย์ทันที
อาการแบบนี้ เข้าข่ายเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
พญ.ชิดชนก อธิบายว่า อาการที่แสดงนั้นขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก หากเป็นเด็กโตเด็กจะมีไข้ร่วมกับความผิดปกติทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ซึม สับสน ชัก และคอแข็งจากเยื่อหุ้มสมองที่มีการอักเสบ
ส่วนเด็กเล็กโดยเฉพาะทารกที่อายุน้อยกว่า 12 เดือน อาการผิดปกติทางระบบประสาทอาจไม่ชัดเจน เด็กอาจมีอาการซึม กินนมน้อยลง ร้องกวน หรือชัก โดยแพทย์จะวินิจฉัยจากการสอบถามประวัติการเจ็บป่วยจากคุณพ่อ คุณแม่หรือผู้ดูแล การตรวจร่างกายทางระบบประสาท และการตรวจน้ำไขสันหลัง
การติดเชื้อ… ต้นเหตุเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
สาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและสมองอักเสบเกิดจากการติดเชื้อเป็นหลัก โดยสาเหตุหลักคือเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ส่วนสาเหตุอื่นๆเชื้อรา หรือ ปรสิต พยาธิ สามารถพบได้ประปราย
รักษาอย่างไร เมื่อลูกเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจะได้รับยาปฏิชีวนะให้ครอบคลุมเชื้อที่ก่อโรค โดยแพทย์จะใช้เวาในการรักษาประมาณ 7-21 วันขึ้นอยู่กับว่าเป็นเชื้อตัวใด โดยระหว่างที่ทำการรักษา แพทย์จะประเมินถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น น้ำในโพรงสมอง สมองบวม หรือควบคุมอาการชัก และเมื่อกลับบ้านแล้ว แพทย์จะติดตามพัฒนาการของเด็ก การได้ยิน ตลอดจนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ป้องกันได้ด้วย “วัคซีน”
- สาเหตุจากเชื้อไวรัส มาตรการป้องกันคือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หลีกเลี่ยงการพาลูกไปในสถานที่แออัด เมื่อลูกไม่สบายควรหยุดเรียนเพื่อเลี่ยงการกระจายเชื้อและรับเชื้อเพิ่มเติม โดยหนึ่งในไวรัสที่เป็นสาเหตุคือ “ไข้หวัดใหญ่” ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไวรัสอีกตัวคือเชื้อ เจอี (Japanese Encephalitis virus) JE vaccine ซึ่งอยู่ในวัคซีนพื้นฐานของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน ตามด้วยเข็มที่ 2 ตอนอายุ 2 ปี 6 เดือน
- สาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อที่พบบ่อยคือ Invasive Pneumococcal Disease (IPD) โดยจะพบเชื้อนี้ในโพรงจมูกและคอหอยของเด็ก สามารถทำให้ปอดอักเสบและแพร่กระจายติดเชื้อในกระแสเลือด และเข้าสู่ระบบประสาททำให้เกิดอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ ในเด็กไทย ร้อยละ 35 พบเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้น โดยพบมากที่สุดในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุ 2-3 ปี ในผู้ป่วยเด็กไทยที่อายุต่ำกว่า 5 ปี พบเชื้อถึงร้อยละ 60
การป้องกันด้วยวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพสูง สามารถเริ่มให้ในเด็กอายุ 2, 4, 6 เดือนและฉีดกระตุ้นตอนอายุ 12-15 เดือน โดยในต่างประเทศมีการใช้อย่างแพร่หลาย ส่วนในประเทศไทยนั้นยังไม่ถูกบรรจุในวัคซีนพื้นฐาน และมีราคาแพง ยังมีการศึกษาถึงความคุ้มค่าของวัคซีนในเด็กไทย ควรพิจารณาความคุ้มค่าเป็นรายๆ ไป หากเป็นเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยที่ตัดม้ามหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจให้วัคซีนนี้
- สาเหตุจากเชื้อฮิบ Haemophilus Influenzae (HIB) เป็นอีกสาเหตุสำคัญของเยื่อห้มสมองอักเสบในเด็ก อยู่ในทางเดินหายใจของมนุษย์และแพร่กนะจายด้วยการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของทางเดินหายใจ โดยโรคติดเชื้อฮิบชนิดรุนแรงจะพบบ่อยในเด็กอายุ 6-18 เดือน จึงแนะนำให้เด็กรับวัคซีนเมื่ออายุ 2 เดือน และกระตุ้นเมื่ออายุ 4, 6 เดือน ก่อนฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-18 เดือน ซึ่งวัคซีนสามารถลดอัตราการเกิดโรคจากเชื้อฮิปได้ร้อยละ 95
ทั้งนี้ วัคซีนเชื้อฮิบยังไม่อยู่ในวัคซีนพื้นฐานเพราะมีราคาแพง แต่หากเด็กมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือตัดม้าม ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนฮิบ
ทั้งนี้ หากครอบครัวใดที่เด็กในบ้านมีความเสี่ยง ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะหากป่วยเป็นโรคนี้แล้วล่ะก็ ผลที่ตามมาย่อมน่ากลัวกว่าที่คิด
แหล่งอ้างอิง
1. แนวทางเวชปฏิบัติของโรคเยื่อหุ้มสมองและเนื้อสมองอักเสบเฉียบพลัน
(Clinical Practice Guideline of Acute Meningoencephalitis) สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
2. Pneumococcal Disease. Available at: http://www.cdc.gov/nip/diseases/pneumo/