รากเทียมคือเครื่องมือที่คิดค้นขึ้นเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติ โดยจะฝังวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายสกรูลงบนกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วยโดยเมื่อรากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรแล้วรากเทียมสามารถรองรับได้ทั้งครอบฟัน,สะพานฟัน,ฟันปลอมทั้งปาก ขึ้นอยู่กับจำนวนของรากเทียมที่ฝังส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่รองรับสะพานฟันหรือฟันปลอมทั้งปากจะใช้รากเทียมตั้งแต่ 2 รากขึ้นไป
รากเทียมช่วยเติมเต็มปัญหาช่องปากได้อย่างไร ?
โดยปกติแล้วรากเทียมจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันแท้ หรือทดแทนการใช้ฟันปลอม ซึ่งฟันปลอมจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบถอดได้และแบบติดแน่น ฟันปลอมแบบถอดได้คือฟันปลอมทั่วไปที่เราเห็นกันบ่อยๆที่ผู้สูงอายุใช้กัน ส่วนฟันปลอมแบบติดแน่นจะมีสะพานฟันกับรากเทียม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบรากเทียมกับฟันปลอมถอดได้แล้ว ฟันปลอมแบบถอดได้จะมีแรงบดเคี้ยวน้อยกว่าฟันธรรมชาติ 3-4 เท่า ในขณะที่การบดเคี้ยวของรากเทียมจะใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากกว่า รากเทียมจึงช่วยให้ผู้ป่วยเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นหลังจากที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปแล้ว
การเตรียมตัวก่อนการรักษาด้วยรากเทียม
- ผู้ป่วยจะต้องมาประเมินสภาพช่องปากก่อนว่าเหมาะสมกับการทำรากเทียมหรือไม่ สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีหรือเปล่า มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการทำรากเทียมหรือไม่
- หลังจากที่คุณหมอประเมินแล้วจะส่งผู้ป่วยไปทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ CT Scanซึ่งจะดูได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของกระดูกที่มีอยู่
- ประเมินว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับรากเทียมประเภทไหน ต้องใช้ความยาวและขนาดเท่าไหร่
- นัดผู้ป่วยเพื่อทำการผ่าตัดต่อไป
ขั้นตอนเมื่อต้องผ่าตัดใส่รากเทียม
- ฉีดยาชาให้ผู้ป่วยและรอให้ยาชาออกฤทธิ์
- ผ่าตัดเปิดเหงือกให้เห็นกระดูกที่อยู่ด้านใต้เหงือก
- เจาะกระดูกเพื่อนำแนวของรากเทียม แล้วฝังรากเทียมลงไปตามแนวที่ได้เตรียมไว้
- เย็บแผลปิด หลังจากนั้นรอ 3-4 เดือนเพื่อรอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกโดยตรง
- กลับมาพบทันตแพทย์เพื่อเปิดเหงือกและพิมพ์ปากทำครอบฟัน
ผ่าตัดแล้ว..สามารถกินอาหารได้ปกติไหม?
หลังจากการผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียมแพทย์จะให้ทานอาหารเหลวก่อนในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก เพื่อไม่ให้การเคี้ยวกระทบกระเทือนกับการฝังรากเทียม และหลังจากที่ผู้ป่วยเริ่มเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้ฟันอีกข้างที่ไม่ได้ทำการผ่าตัดเคี้ยวอาหารแทน จากนั้นจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาหารปกติได้ถ้าผู้ป่วยสามารถเคี้ยวได้ละเอียดแล้ว
ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการวางแผน
ปัจจุบันที่ต่างประเทศมีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการวางแผนการรักษารากเทียมด้วย โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวนี้ทำงานร่วมกับ CT scanซึ่งจะช่วยวางแผนในการฝังรากเทียมทันตแพทย์จะต้องดูก่อนว่าจะฝังรากเทียมบริเวณไหนของกระดูก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นประสาทหรือไซนัส และเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะทำครอบฟัน หลังจากนั้นก็ทำอุปกรณ์มีรูพอดีกับหัวเจาะกำหนดตำแหน่งรากเทียม..แล้วเตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาผ่าตัดก็สามารถเอาอุปกรณ์ตัวนี้ใส่ลงไปในปากผู้ป่วย โดยใช้เจาะลงไปตามรูที่วางแผนไว้แล้วฝังรากเทียมได้ทันที ทำให้ได้การรักษาที่แม่นยำมากขึ้นและร่นระยะเวลาทั้งหมดในการฝังรากเทียม ซึ่งวิธีนี้จะมีประโยชน์มากในกรณีที่ฝังรากเทียมตั้งแต่ 2 ซี่ ขึ้นไป
ฝังรากเทียมทันทีหลังถอนฟัน..อีกทางเลือกที่รวดเร็วกว่า
เทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมาคือการทำรากเทียมทันทีหลังจากการถอนฟัน (immediate implant placement) ซึ่งข้อดีของเทคนิคนี้คือมันจะร่นระยะเวลาการรักษาทั้งหมดของผู้ป่วยลง โดยปกติถอนแล้วจะต้องรอแผลหายประมาณ 4-6 เดือนแล้วค่อยฝังรากเทียมได้ ฝังแล้วก็รอแผลหายอีก 3-4 เดือน แล้วก็มาต่อด้วยครอบฟันอีก 1 เดือน รวมๆ แล้วก็เกือบปี แต่ถ้าถอนฟันแล้วฝังรากเทียมในทันทีก็สามารถร่นระยะเวลาที่ต้องรอแผลหาย 4-6 เดือนแรกได้ แต่ผู้ป่วยจะต้องมาตรวจดูกระดูกและสภาพฟันก่อนว่าฟันซี่ที่ต้องการฝังรากเทียมนั้นสามารถฝังรากเทียมในทันทีหลังจากถอนได้หรือเปล่า
ศูนย์ทันตกรรมโรงพยาบาลพญาไท 2
ปัจจุบันการทำรากเทียมของโรงพยาบาลพญาไท 2 มีเทคโนโลยีการรักษาที่หลากหลายและทันสมัย มีจุดเด่นในเรื่องความสะอาดของเครื่องมือ เพราะที่นี่มีทีมติดตามคุณภาพและตรวจเช็คมาตรฐานความสะอาดของเครื่องมือเป็นระยะทุกๆ ปี รวมทั้งบุคลากรที่ให้ความช่วยเหลือ เช่น ผู้ช่วยทันตแพทย์ก็มีความเชี่ยวชาญในด้านรากเทียมด้วยเช่นกัน ผู้ป่วยที่มารักษารากเทียมที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 จึงมั่นใจได้ว่า..นอกจากได้ฟันที่สวยงามกลับไปแล้วก็ยังได้รอยยิ้มกลับไปอีกด้วย
ทพ. พงศ์รพี กมลรุ่งวรากุล
ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมประดิษฐ์
ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลพญาไท 2