ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2559 บอกไว้ว่า 38% ของเด็กไทยและ 20% ของผู้ใหญ่ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โดยมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้อาจเกิดจากมลภาวะที่แย่และสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ส่งผลให้มีสารก่อภูมิแพ้กระจายอยู่ทั่วไป โดย นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก รพ.พญาไท 3 จะมาอธิบายถึงโรคนี้กัน
ภูมิแพ้อากาศ แม้ไม่รุนแรง แต่ส่งผลถึงคุณภาพชีวิต
คุณหมออุทัย อธิบายว่า “ภาวะภูมิแพ้” หรือ “จมูกอักเสบเรื้อรัง” เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการที่เยื่อบุจมูกมีความไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้น หรือสารก่อภูมิแพ้ อาทิ ควัน ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เป็นต้น ทำให้เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นดังกล่าว จะทำให้เกิดอาการ คัน ไอ จาม หรือ น้ำมูกไหล ได้
ถึงแม้ว่าโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะไม่รุนแรง แต่ค่อนข้างมีผลต่อการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง แถมยังสร้างความรำคาญให้กับตัวผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำมูกไหลหรือจามอยู่ตลอดเวลา และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จึงไม่ควรละเลยที่จะเข้ามาทำการรักษาให้หายขาด เพราะการรักษานั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด
เมื่อมีอาการภูมิแพ้แบบนี้ ควรปรึกษาแพทย์
หากสังเกตตัวเองดีๆ ผู้ป่วยภูมิแพ้จะมีอาการเมื่อสัมผัสสารที่ก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ลักษณะอาการหลักๆ ดังนี้
- คันจมูก จามหลายครั้งติดต่อกัน เพราะร่างกายพยายามขับสิ่งที่ผู้ป่วยแพ้ให้ออกมา
- น้ำมูกใสๆ ไหลตลอดเวลา คล้ายอาการของคนเป็นหวัดคัดจมูก ซึ่งอาการเหล่านี้จะแสดงออกมาเป็นเวลาค่อนข้างนานบางครั้งอาจเป็นชั่วโมง แต่สามารถหายได้เอง
- บางรายจะมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้นร่วมกัน เช่น คันตา คันคอ คันหู หรือคันที่เพดานปากด้วย หรือไม่ก็ปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ หรือหูอื้อ
นอกจากอาการหลักๆ แล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการจมูกอักเสบ จะพบว่าเยื่อบุจมูกจะบวมมาก หรือบางครั้งจมูกของผู้ป่วยก็จะบวมไปด้วย มีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เยื่อบุจมูกอาจมีริดสีดวงจมูกร่วมด้วยได้ และผนังด้านในคอจะเป็นตุ่มนูนแดงกระจายไปทั่ว ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองจากน้ำมูกที่ไหลลงคอหรือจากการหายใจทางปาก และหากรู้ตัวว่าอาการรุนแรงขึ้น ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ “ความเครียด” เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพหลายอย่างรวมถึงภูมิแพ้ด้วย เมื่อผู้ป่วยเกิดความเครียดมากอาจส่งผลให้อาการที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น
ภูมิแพ้ รักษาอย่างไร ? ก่อนอาการรุนแรง
คุณหมออุทัย บอกว่า เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์แล้ว ต้องอธิบายอาการโดยละเอียด และดูแลร่างกายให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษาโรคจมูกอักเสบ โดยมีแนวทางในการรักษา ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ : ถือเป็นการรักษาที่ถูกต้องและส่งผลดีต่อผู้ป่วยอย่างมาก เพราะเมื่อทราบต้นเหตุและหลีกเลี่ยงแล้ว จะทำให้โพรงจมูกอักเสบลดลง แต่ในความเป็นจริงนั้นทำได้ยาก จึงต้องรักษาด้วยการกินยาควบคู่กัน
- การใช้ยาเพื่อรักษา : โรคจมูกอักเสบมีการรักษาด้วยยาเหลายชนิด เช่น ยาต้านฮีสตะมีน ที่ใช้ก่อนมีอาการ และใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ไม่มาก หรือยาหลอดเลือดที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว และเนื้อเยื่อในจมูกลดอาการบวม ทำให้อาการคัดจมูกน้อยลง
- การฉีดวัคซีน : เป็นการฉีดสารที่คาดว่าผู้ป่วยจะแพ้ที่บริเวณผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้โรคจมูกอักเสบลดลง
- การผ่าตัด : สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้น เช่น การใช้คลื่นวิทยุจี้เยื่อบุจมูก เพื่อลดอาการบวมของเยื่อบุจมูก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดจมูกดีขึ้น หรือการผ่าตัดนำเอาเส้นประสาทที่มาหล่อเลี้ยงเยื่อบุจมูกออกไป จะช่วยลดอาการน้ำมูกไหลได้
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ นอกจากต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอไปพร้อมๆ กับออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว หากสังเกตพบว่าอาการแย่ลง ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตัดปัญหาที่ต้นเหตุ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการที่รุนแรงต่อไป