ดูแลตัวเองอย่างไร... ห่างไกล “ไตเสื่อม”

พญาไท 3

2 นาที

พฤ. 07/05/2020

แชร์


ดูแลตัวเองอย่างไร... ห่างไกล “ไตเสื่อม”

“เป็นแล้วไม่หาย ค่าใช้จ่ายสูง ต้องระวังสุขภาพแบบสุดๆ” เหล่านี้ทำให้โรคไตเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะผู้ป่วยทุกคนต่างต้องเผชิญ แต่รู้ไหมว่าเราเลี่ยงโรคนี้ได้ เรามาฟังวิธีป้องกันโรคไตจาก พญ.โชติมา พิเศษกุล แพทย์คลินิกอายุรกรรม โรคไต โรงพยาบาลพญาไท 3 กันดีกว่า… ทำอย่างไร ไม่ให้ “ไตเสื่อม”

“มีโรคประจำตัว vs ไม่มีโรคประจำตัว” ระวัง ต่างกัน

การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคไต คุณหมอสุพิชชา บอกว่าแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ

  • กลุ่มที่มีโรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจ บุคคลกลุ่มนี้ต้องดูแลควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
  • กลุ่มคนทั่วไป สิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำ คือการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหาความผิดปกติ และเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรค

“อาหาร-เครื่องดื่ม” ตัวแปรสำคัญ

เราทุกคนควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ คือ 2 ลิตรต่อวัน ส่วนอาหาร คุณหมอสุพิชชา บอกว่าต้องลดทั้งรสหวานและรสเค็ม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • อาหารเค็ม – องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคเกลือประมาณ 2,000 มิลลิกรัม/วัน ขณะที่ อาหารไทย 1 อย่างส่วนใหญ่มีเกลืออย่างน้อย 2 เท่าของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เช่น น้ำปลา 1 ช้อนชา มีเกลือ 400 มก. วันหนึ่งจึงไม่ควรกินเกิน 5 ช้อนชา ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถเริ่มได้ด้วยตัวเองคือทำอาหารกินเอง เลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น
  • อาหารหวาน – องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่ควรเกิน 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน ควรลดปริมาณขนม น้ำหวาน ผลไม้ที่มีรสหวาน ส่วนอาหารจำพวกแป้งและพืชผักชนิดหัวที่มีปริมาณน้ำตาลมาก อย่าง เผือก มัน ไม่ควรกินเยอะเกินไป

น้ำหนักแค่ไหน ไม่เสี่ยงโรคไต

เราควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และดัชนีมวลกายหรือค่า BMI อยู่ระหว่าง 18-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

  • ผู้ชาย – รอบเอวไม่ควรเกิน 90 ซม. หรือ 35.5 นิ้ว
  • ผู้หญิง – รอบเอวไม่ควรเกิน 80 ซม. หรือ 31.5 นิ้ว

ไม่มองข้ามการออกกำลังกาย

คุณหมอสุพิชชา แนะว่า ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สิ่งสำคัญคือเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และโปรตีนสมดุลกับกิจกรรมหรือชนิดกีฬาที่เลือก เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและพักผ่อนเพียงพอ

แนวทางการออกกำลังกาย แบ่งเป็น

  • การออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของหัวใจ (Cardio Vascular) หรือคาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่เน้นกระตุ้นการเต้นของหัวใจ บริหารระบบไหลเวียนโลหิต เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ
  • การออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Weight Training) หรือเวทเทรนนิ่ง เป็นการใช้น้ำหนักเพื่อให้เกิดแรงต้านทาน อาจใช้อุปกรณ์อย่างดัมเบล บาร์เบล หรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่
  • การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ (Flexibility exercises) เช่น โยคะ รำมวยจีน

โปรตีนแค่ไหน เรียกว่าสมดุล

  • ผู้ที่นั่งทำงานอยู่กับที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ ควรได้รับโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
  • ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอและเวทเทรนนิ่ง ควรได้รับโปรตีน 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. สำหรับผู้หญิง และ 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ในผู้ชาย อาทิ อกไก่ 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 23-25 กรัม ถ้าน้ำหนักตัว 50 กก.ต้องรับประทานอกไก่ 300 กรัม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ

 

ปริมาณโปรตีนที่กล่าวไปนั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคไต หรือไตเสื่อม เพราะผู้ป่วยไตเสื่อมจะต้องการโปรตีนเพียง 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ซึ่งปริมาณโปรตีนจะขึ้นอยู่กับระดับความเสื่อมของไต เพราะเมื่อโปรตีนถูกเผาผลาญแล้วไตจะทำหน้าที่ขับของเสียนั้นออกจากร่างกาย แต่ถ้าไตเสื่อม ขับของเสียได้จำกัดและปริมาณของเสียมากจะส่งผลให้ของเสียค้างในเลือดสูง

 

ส่วน “เวย์โปรตีน” ที่มักได้ยินในกลุ่มผู้ออกกำลังกาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโปรตีนประมาณ 80%  ซึ่งเป็นลักษณะของอาหารเสริมที่เน้นความสะดวกในการบริโภค แต่ทั้งนี้หากเราได้รับโปรตีนตามธรรมชาติจากการรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ในปริมาณที่เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานเวย์โปรตีนเพิ่ม เพราะนอกจากเสียค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนมากเกินความต้องการอีกด้วย

ใช้ยาและสารเคมี ต้องระวังให้ดี

เราอยู่ในประเทศที่หาซื้อยาได้ง่าย ทำให้ส่วนใหญ่บรโภคยาเกินความจำเป็น และมักมีผลต่อการทำงานของไตคือ “ยาแก้ปวด” ซึ่งผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว อย่างการปวดขา เกาต์ มักซื้อยามากินเอง เพิ่มความเสี่ยงให้ได้ทำงานน้อยลง นอกจากนี้ สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดที่รับประทานแล้วทำให้ไตเสื่อม หรือบางกรณีของผู้ที่เป็นไตเสื่อมและเลือกไปรับประทานยาสมุนไพร มีผลให้ความเสื่อมเพิ่มขึ้นได้

 

นอกจากวิธีที่กล่าวไปแล้ว ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เหล่านี้คือสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น

พญ.โชติมา พิเศษกุล
แพทย์อายุรศาสตร์, อายุรศาสตร์โรคไต
ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลพญาไท 3


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...