การตรวจวิเคราะห์โรคหัวใจทารกขณะตั้งครรภ์...สำคัญแค่ไหนนะ?

พญาไท 2

1 นาที

พ. 25/03/2020

แชร์


Loading...
การตรวจวิเคราะห์โรคหัวใจทารกขณะตั้งครรภ์...สำคัญแค่ไหนนะ?

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีได้หลายชนิด มีตั้งแต่ชนิดเป็นน้อยๆ เช่น ผนังหัวใจด้านบนรั่ว จนถึงผิดปกติมาก เช่น เส้นเลือดออกจากหัวใจผิดที่  หัวใจห้องล่างซ้ายหรือขวาเล็กมากร่วมกับเส้นเลือดออกจากหัวใจตีบมากหรือเล็กมาก จนไม่สามารถทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ในขณะอยู่ในครรภ์ เป็นต้น    

ทำไม? ถึงควรตรวจโรคหัวใจทารกในครรภ์ด้วยการอัลตร้าซาวนด์

ทารกในครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดจะไม่แสดงอาการออกมาภายนอกให้คุณแม่หรือแพทย์ผู้ดูแลทราบ เพราะลูกจะได้รับสารอาหาร ออกซิเจน จากรกของคุณแม่ แต่จะทราบได้ก็โดยการตรวจด้วยอัลตร้าซาวนด์ หรือ Echocardiogram เท่านั้น โดยอายุครรภ์ที่เหมาะสมในการตรวจวิเคราะห์โรคหัวใจทารกในครรภ์ด้วย Echocardiogram คือช่วงอายุครรภ์ 18 -23 สัปดาห์

การตรวจวิเคราะห์หัวใจทารกในครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร?

    1. เพื่อจะได้ทราบว่าทารกในครรภ์เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือไม่ และเป็นรุนแรงแค่ไหน
    2. คุณแม่และคุณพ่อเข้าใจถึงโรคของลูกและมีเวลา ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลทารกหลังคลอดไม่ว่าต้องได้รับการผ่าตัดหรือไม่
    3. ทำให้รู้ว่าจะต้องวางแผนการรักษาอย่างไร ทั้งในขณะตั้งครรภ์และภายหลังคลอด
    4. การดูแลระหว่างการตั้งครรภ์ และวิธีการคลอด
    5. ถ้าต้องผ่าตัดรักษา  ต้องผ่าตัดกี่ครั้ง ความเสี่ยงจากการผ่าตัดและคุณภาพชีวิตหลังการผ่าตัด
    6. นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลเสริมที่สำคัญให้สูติแพทย์ที่ดูแลได้ทราบเพื่อดูถึงความผิดปกติอื่นที่อาจร่วมด้วย รวมทั้ง โครโมโซม

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

    1. ไม่ทราบสาเหตุมากที่สุด ประมาณ 90 %
    2. มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ หรือโครโมโซม เช่น โครโมโซม คู่ที่ 21 ทำให้เกิดเป็นโรคดาวน์ซินโดรมร่วมกับเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นต้น
    3. คุณแม่มีโรคประจำตัว หรือการควบคุมโรคยังไม่ดีพอ เช่น เป็น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ตัวเอง (connective tissue disease หรือ autoimmune disease) โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
    4. คุณแม่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะภายใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เช่น คุณแม่ติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน เป็นต้น
    5. คุณแม่ถูกรังสี X-Ray ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
    6. คุณแม่ทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิว ยากันชัก เช่น carbamazepine, diphenylhydantoin, หรือ valproate ยาในกลุ่มแอมเฟตามีน ยาเสพติด ยารักษาโรคซึมเศร้า (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) และกลุ่ม NSAID เป็นต้น
    7. ทารกที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย (Assisted Reproduction Technology) หรือ มีประวัติการแท้งลูกมาก่อน
    8. คุณแม่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือมีลูกคนหนึ่งเป็น หรือคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ลูกที่ตั้งครรภ์ก็จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดสูงกว่าคนทั่วไป
    9. คุณแม่ที่มีอายุมากขณะตั้งครรภ์ เช่น อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป

ข้อควรปฏิบัติเมื่อตรวจพบว่าลูกเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในขณะตั้งครรภ์

    1. ควรปรึกษากับแพทย์ให้ทราบแน่ชัดว่าความผิดปกติของหัวใจลูกเป็นชนิดใด รุนแรงแค่ไหน จะมีปัญหาตอนขณะตั้งครรภ์และหลังคลอดมากน้อยเพียงใด ทำให้สามารถวางแผนการรักษาทั้งก่อนคลอด..ว่าควรคลอดด้วยวิธีใด และหลังคลอดว่า..ต้องการการรักษาอย่างไร เพื่อให้ได้ผลดี ทันท่วงที และปลอดภัย
    2. หากพบว่าเป็นโรคหัวใจชนิดรุนแรง อาจเกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ทั้งในขณะตั้งครรภ์และภายหลังคลอด แพทย์จะให้คำแนะนำการดูแลระหว่างตั้งครรภ์  วางแผนการคลอด การดูแลหลังคลอดอย่างเหมาะสม ร่วมกับทีมแพทย์ เช่น กุมารแพทย์โรคหัวใจ แพทย์เชี่ยวชาญทารกแรกคลอด และศัลยแพทย์ฯ เพื่อให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปด้วยดีจนคลอด และการรักษาหลังคลอดอย่างถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ
    3. คุณแม่ควรดูแลตัวเองให้มีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการคลอดที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมของครอบครัวด้วย
    4. ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ จะเป็นข้อมูลเสริมให้กับสูติแพทย์ระมัดระวังว่าอาจมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยทั้งโครโมโซมผิดปกติ และความผิดปกติของอวัยวะอื่น เป็นต้น

[base64_img]

นายแพทย์วัชระ จามจุรีรักษ์

กุมารแพทย์เชี่ยวชาญด้านหัวใจ
โรงพยาบาลพญาไท 2  โทร 02-617-2444 ต่อ 3219-3220


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...