สั่นแบบไหนเข้าข่ายโรคมือสั่น (Essential Tremor)

พญาไท 2

1 นาที

อ. 31/03/2020

แชร์


Loading...
สั่นแบบไหนเข้าข่ายโรคมือสั่น (Essential Tremor)

อาการมือสั่นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในคนปกติเมื่อร่างกายอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน เช่น ตื่นเต้น มีความเครียด มีความกังวล หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แต่หากอาการสั่นที่เป็นอยู่รุนแรงมากขึ้น เป็นไปได้ว่าอาการนี้อาจไม่ใช่การสั่นในคนปกติ แต่เป็น “โรคมือสั่น” (Essential Tremor) ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตและการทำงานในอนาคตได้

 

สาเหตุของโรคมือสั่น (Essential tremor)

  1. พันธุกรรม โดยพบว่าโรคนี้ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมแบบยีนเด่น
  2. สิ่งแวดล้อม เนื่องจากพบว่าอาหารบางอย่างทำให้โอกาสการเกิดโรคนี้มากขึ้น

 

สั่นแบบไหน? ถึงเรียกได้ว่าเป็น ‘Essential tremor’

อาการสั่นเป็นอาการเบื้องต้นของหลายโรค เช่น โรคพาร์กินสัน ซึ่งคนไข้จะมีอาการมือสั่นข้างเดียว และสั่นเมื่อมืออยู่เฉยๆ แต่อาการของ ‘Essential tremor’ หรือโรคมือสั่น คนไข้จะมีอาการมือสั่นทั้ง 2 ข้าง และแสดงอาการชัดเจนเมื่อหยิบจับสิ่งของ เช่น สั่นขณะใช้มือจับช้อนตักข้าว หรือสั่นขณะเขียนหนังสือ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มาเป็นเวลานานอาจพบการสั่นบริเวณอื่นด้วย เช่น ศีรษะสั่น หรือพูดแล้วเสียงสั่น เป็นต้น

 

เช็กอาการเบื้องต้น…ด้วยการสังเกต ‘มือ’ ให้เป็น

ในคนที่สังเกตตัวเองว่าเริ่มมีอาการมือสั่น ถ้ามีอาการมือสั่น 2 ข้าง และอาการมือสั่นสัมพันธ์กับอารมณ์ความเครียด ความวิตกกังวลหรือการออกกำลังกาย อาจเป็นอาการมือสั่นที่พบได้ในคนปกติ แต่หากสังเกตอาการมือสั่นแล้วไม่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ดังกล่าวและยังคงมีอาการมือสั่นตลอดเวลาหรือมีอาการสั่นที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

 

สั่นแค่ไหน…ถึงต้องรักษา ?

ผู้ป่วยที่มีอาการมือสั่นไม่รุนแรงและไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน เช่น ใช้มือเขียนหนังสือได้ดี สามารถใช้มือจับแก้วและยกดื่มน้ำได้ไม่หก ใช้มือจับช้อนตักข้าวทานได้ดี ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและดูอาการไปก่อนได้ แต่หากอาการสั่นนี้กระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น เขียนหนังสือแล้วลายมือเปลี่ยน ใช้มือหยิบแก้วน้ำแล้วน้ำหก ไม่สามารถใช้มือจับช้อนตักกับข้าวได้ หรือมือสั่นจนทำให้ผู้ป่วยเสียบุคลิก และอายไม่กล้าเข้าสังคม ควรพบแพทย์เพื่อใช้ยารักษาลดอาการมือสั่น

 

ทางเลือกในการรักษา…เพื่อสู้กับอาการ ‘สั่น’

  1. รักษาโดยการใช้ยา ยาที่เป็นตัวเริ่มต้นในการรักษาคือ ยา Propanolol แพทย์จะเริ่มให้ยาปริมาณน้อยๆ หากไม่มีผลข้างเคียงจากยา จึงค่อยๆ ปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น โดยยาชนิดนี้ต้องระวังในการใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจหรือโรคปอดบางโรคถ้าผู้ป่วยมีผลข้างเคียงจากยา อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น เช่น topiramate หรือ gabapentin
  2. รักษาโดยใช้อัลตราซาวด์ แพทย์จะใช้เครื่อง MRI เพื่อช่วยระบุตำแหน่งของสมองส่วนที่เรียกว่า thalamus ซึ่งเป็นจุดกำเนิดการสั่นและใช้คลื่นเสียงเข้าไปที่บริเวณส่วนนี้เพื่อหยุดอาการมือสั่นข้อดีของวิธีนี้คือเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดสมอง
  3. รักษาโดยการผ่าตัด (Deep Brain Stimulation) เป็นการผ่าตัดสมองเพื่อฝังขั้วไฟฟ้าที่บริเวณสมองส่วนที่เรียกว่า thalamus โดยจะมีการใช้เครื่องมือเพื่อความแม่นยำในการฝังขั้วไฟฟ้า เช่น กรอบโลหะเพื่อให้ศีรษะผู้ป่วยอยู่นิ่ง ภาพ MRI สมอง และการทดสอบจากการตรวจร่างกายผู้ป่วยในขณะผ่าตัด ทั้งนี้จะมีการควบคุมไฟฟ้าจากอุปกรณ์ซึ่งถูกติดตั้งที่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกของผู้ป่วย

อาการมือสั่นพบได้ในหลายโรคไม่ว่าจะเป็นโรคพาร์กินสัน โรค Essential tremor จากยาบางชนิด ดังนั้น หากสังเกตพบว่ามีอาการมือสั่นผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินและให้การรักษาต่อไป

หากคุณกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองหรือคนที่คุณรัก? วางแผนล่วงหน้าด้วยแผนประกันสุขภาพ คุณจะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุม ทั้งค่ารักษาพยาบาล (กรณีป่วยแอดมิทเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล) ค่าห้อง ค่าบริการทางการแพทย์และค่ายา การมีประกันสุขภาพสามารถช่วยให้การจัดการกับผลข้างเคียงราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แล้วคุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและสบายใจทุกวัน

หากสนใจศึกษาข้อมูลการวางแผนทำประกันสุขภาพ แผน Exclusive Care @ BDMS สามารถโทรปรึกษาฟรีได้ทันที 02-822-1155 หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Allianz Ayudhya


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...

บทความแนะนำ

มารู้จักการตรวจวัดระดับความสมดุลของการทรงตัว และการเคลื่อนไหว (Computerized Dynamic Posturography)

พญาไท 2

ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบการทรงตัว ไม่ว่าจะเป็นปัญการจาก ระบบรับการทรงตัวของหูชั้นใน หรือที่เรียกกันว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือปัญหาจากระบบประสาทสัมผัสทั่วไป ควรรับการตรวจวัดระดับความสมดุลนี้

ทำความเข้าใจ! “ลมชัก” โรคอันตรายที่ต้องห้ามขับรถ

พญาไท 2

โรคลมชักโรคอันตรายที่สามารถคร่าชีวิตได้ในชั่ววูบ หากวันใดที่ผู้ป่วยเหล่านั้นเกิดอาการกำเริบขึ้นมาขณะขับรถ อาจจะส่งผลกระทบก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้คนรอบข้างที่ร่วมใช้ท้องถนนได้

เวียนศีรษะ แขนขาอ่อนแรง อาจเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง...ที่อันตรายถึงชีวิต

พญาไท 2

แขนขาชา อ่อนแรง เวียนศีรษะไม่หาย อย่ามัวชะล่าใจ เพราะอาจเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน ที่หากมาพบแพทย์เร็ว ยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาได้

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ

พญาไท 2

แพทย์ได้ทำการตรวจท่านแล้วมีความเห็นว่า อาการบาดเจ็บที่ได้รับไม่รุนแรงถึงขนาดต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้ท่านรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยงดออกกำลังกายทุกชนิดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ถ้าท่านมีอาการตามข้อใดข้อหน