การตรวจอัลตร้าซาวนด์คุณแม่ตั้งครรภ์ สำคัญหรือไม่

การตรวจอัลตร้าซาวนด์คุณแม่ตั้งครรภ์ สำคัญหรือไม่

ประโยชน์ของการตรวจอัลตร้าซาวนด์ระหว่างการตั้งครรภ์

การตรวจอัลตร้าซาวนด์ระหว่างตั้งครรภ์ มีประโยชน์ในการตรวจความผิดปกติของโครงสร้างร่างกายทารกในครรภ์และโครงสร้างหลัก ได้แก่ ดูรก สายสะดือ น้ำคร่ำ กะโหลกศีรษะ เนื้อสมอง แขน ขา  ช่องอก เนื้อปอด หัวใจ ผนังหน้าท้อง และอวัยวะหลักภายในช่องท้อง การวัดขนาดของทารกจากการตรวจอัลตร้าซาวนด์ ยังช่วยในการยืนยันอายุครรภ์ และกำหนดวันคลอดในรายที่มารดาจำประจำเดือนไม่ได้ หรือประจำเดือนไม่แน่นอน ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการดูแลรักษาในช่วงใกล้คลอด ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์เกินกำหนด ซึ่งอาจมีผลเสียต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ได้

นอกจากนั้นการตรวจอัลตร้าซาวนด์ ทำให้แม่ได้เห็นภาพลูกที่เคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์ ก่อให้เกิดความรัก ความผูกพันตั้งแต่บุตรยังไม่คลอด (Maternal – fetal Bonding) หลายประเทศแถบยุโรปมีนโยบายให้สตรีตั้งครรภ์ทุกรายควรรับการตรวจอัลตร้าซาวนด์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงกลางของการตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการคัดกรองว่าทารกในครรภ์อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ (Mid – trimester Screening)

ทั้งนี้การตรวจอัลตร้าซาวนด์ก็ยังมีข้อจำกัด คือ ความผิดปกติบางอย่างเป็นสิ่งที่วินิจฉัยไม่ได้ โดยเฉพาะความผิดปกติของอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก หัวใจพิการแต่กำเนิดบางประเภทหรือการทำงาน (Function) ของอวัยวะต่างๆ

อีกทั้งการอัลตร้าซาวนด์จะต้องใช้น้ำในการสะท้อนคุณภาพและขึ้นอยู่กับระยะที่คลื่นเสียงส่งผ่านไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ดังนั้นคุณภาพในการตรวจจะลดต่ำลงในกรณีที่มีข้อจำกัดต่างๆ เช่น มีภาวะน้ำคร่ำน้อยหรือมากเกินไป คุณแม่หน้าท้องหนา อ้วน มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง และทารกในครรภ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการตรวจ

ประเภทของอัลตร้าซาวนด์

  • อัลตร้าซาวนด์ 2 มิติ (2D ultrasound)

เป็นภาพระนาบเดียวไม่มีความลึก เพื่อตรวจดูขนาด และความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ และการไหลเวียนเลือดของทารกในครรภ์ พร้อมตรวจอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานของคุณแม่

  • อัลตร้าซาวนด์ 3 มิติ (3D ultrasound)

เป็นภาพนิ่งที่เหมือนจริง โดยภาพมีความลึกขึ้นมา ใช้วินิจฉัยร่วมกับอัลตร้าซาวนด์แบบ 2 มิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัย กรณีที่ตรวจพบความผิดปกติของทารกในครรภ์

  • อัลตร้าซาวนด์ 4 มิติ (4D ultrasound)

เป็นเทคโนโลยีล่าสุด เป็นภาพ 3 มิติที่เคลื่อนไหวได้ สามารถตรวจเห็นภาพในเชิงลึก เห็นภาพการเคลื่อนไหวและอิริยาบถต่างๆ ของทารกในครรภ์ จุดประสงค์การใช้เช่นเดียวกับอัลตร้าซาวนด์ 3 มิติ

หมายเหตุ : การตรวจคัดกรองระหว่างตั้งครรภ์ จะใช้การตรวจด้วยอัลตร้าซาวนด์ 2 มิติเป็นหลัก ส่วนการตรวจด้วยอัลตร้าซาวนด์ 3 มิติ หรือ 4 มิติ จะพิจารณาใช้ร่วมในการตรวจคัดกรองตามความเหมาะสมเท่านั้น

ช่วงอายุครรภ์ที่แนะนำและข้อบ่งชี้

การตรวจอัลตร้าซาวนด์สามารถตรวจได้ทุกช่วงอายุ และตลอดการตั้งครรภ์ตามความพิจารณาของแพทย์ ทั้งนี้ช่วงอายุครรภ์ที่ควรได้รับการตรวจอัลตร้าซาวนด์มีช่วงระยะเวลา ดังนี้

อายุครรภ์ 5-11 สัปดาห์

  • เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ในโพรงมดลูก พร้อมวินิจฉัยแยกภาวะลูกแฝด
  • เพื่อประเมินและกำหนดอายุครรภ์จากการวัดขนาดของทารกในครรภ์
  • ตรวจวินิจฉัยภาวะเลือดออกผิดปกติจากชั้นใต้เยื่อหุ้มรก
  • ตรวจวินิจฉัยการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อน ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
  • วินิจฉัยภาวะเนื้องอกมดลูก และถุงน้ำหรือเนื้องอกรังไข่

อายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์ 6 วัน

  • ตรวจวัดขนาดของทารกเพื่อกำหนดอายุครรภ์
  • ตรวจวัดความหนาของชั้นน้ำ (Nuchal translucency) ที่สะสมใต้ผิวหนังบริเวณต้นคอของทารก สำหรับใช้พิจารณาร่วมกับผลการเจาะเลือดของคุณแม่ เพื่อใช้ในการคัดกรองทารกดาวน์ซินโดรม*
  • ตรวจวินิจฉัยความพิการที่รุนแรงของทารกเบื้องต้นได้หลายชนิด
  • ตรวจประเมินอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของมารดา เช่น มดลูก และรังไข่

หากทารกมีความหนาของต้นคอผิดปกติ อาจมีความสัมพันธ์กับดาวน์ซินโดรมและความผิดปกติของโครโมโซมหลายชนิด นอกจากนี้อาจมีความสัมพันธ์กับการพิการของอวัยวะของทารกในครรภ์ เช่น โรคหัวใจ แขนขาพิการ และโรคทางพันธุกรรม เป็นต้น

อายุครรภ์ 18-23 สัปดาห์

เป็นช่วงที่สำคัญและใช้เวลาในการตรวจนานที่สุดประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง

  • ตรวจคัดกรอง และวินิจฉัยความผิดปกติทางโครงสร้างของอวัยวะต่างๆของทารก เช่น กระโหลกศีรษะ เนื้อสมอง ไขสันหลัง แขน ขา และหัวใจ เป็นต้น
  • ตรวจดูการเจริญเติบโตของทารก ตรวจตำแหน่งของรก ประเมินปริมาณน้ำคร่ำ
  • ตรวจความยาวของปากมดลูก เพื่อทำนายความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด

อายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ ถึงช่วงใกล้คลอด

  • ตรวจการเจริญเติบโตของทารก ประเมินน้ำหนักทารก
  • วินิจฉัยภาวะทารกน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ (Fetal growth restriction)
  • ตรวจตำแหน่งรก วินิจฉัยภาวะรกเกาะต่ำ ตรวจท่าของทารก และปริมาณน้ำคร่ำ
  • ตรวจประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยตรวจดูการหายใจของทารก การเคลื่อนไหว และประเมินภาวะน้ำคร่ำ
  • ในรายที่คุณแม่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แนะนำให้ตรวจที่อายุครรภ์ 30-32 สัปดาห์
  • ในรายที่คุณแม่มีครรภ์เสี่ยงสูง ตั้งครรภ์แฝด หรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรได้รับการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ที่บ่อยขึ้นตามความพิจารณาของสูติแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...