รู้จักและเข้าใจ เพื่อปกป้องลูกน้อยจาก ‘โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ’

รู้จักและเข้าใจ เพื่อปกป้องลูกน้อยจาก ‘โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ’

เพราะเด็กและทารกคือช่วงวัยที่มีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่ง “โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ” เป็นอีกโรคที่พบได้บ่อย พ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ใกล้ชิดจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโรค เพื่อปกป้องลูกน้อย…ก่อนอาการติดเชื้อจะทวีความรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย

ระบบทางเดินหายใจแบ่งย่อยเป็น 2 ส่วนคือ

  • ระบบทางเดินหายใจส่วนบน
    อวัยวะส่วนนี้มีหน้าที่หลักเป็นทางผ่านทางเดินลมหายใจ นำอากาศเข้าสู่ปอด ซึ่งอวัยวะในส่วนนี้คือ โพรงจมูก เยื่อจมูก เนื้อเยื่อบุโพรงจมูก ไซนัส ช่องคอ ทอนซิล คอหอย กล่องเสียงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนในเด็กเล็กพบว่ามีโอกาสติดเชื้อโดยเฉลี่ย 6-8 ครั้งต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเด็กทั่วไป เช่น เด็กที่เข้าโรงเรียนตั้งแต่ยังเล็ก ต้องอยู่รวมกับเด็กคนอื่นๆ และกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว
  • ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
    อวัยวะส่วนนี้คือ ท่อลมและหลอดลม ส่วนที่อยู่นอกปอดที่เรียกว่าหลอดลมประธาน ซึ่งอวัยวะส่วนนี้มีหน้าที่หลักเป็นทางผ่านของอากาศเข้าสู่ปอด นอกจากนี้ยังประกอบด้วยหลอดลมส่วนที่อยู่ในปอด ถุงลม และเนื้อเยื่อปอด ซึ่งอวัยวะส่วนนี้มีหน้าที่ฟอกอากาศคือแลกเปลี่ยนออกซิเจนในถุงลมกับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดหรือเปลี่ยนเลือดดำ

ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ

  • เกิดจากตัวเด็กเอง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานร่างกายต่ำและมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่า หรือเด็กที่มีโรคประจำตัว หรือมีความผิดปกติ เช่น โรคภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง โรคปอด โรคหัวใจ หรือกลุ่มที่มีโรคเรื้อรัง
  • ภาวะโภชนาการ เด็กที่โภชนาการไม่ค่อยดีก็มีโอกาสที่ติดเชื้อได้ง่าย
  • สิ่งแวดล้อม ถ้าหากอยู่ในที่แออัดและมีเชื้อ เช่น ในโรงเรียน ก็มีโอกาสติดได้ง่ายกว่า
  • การใกล้ชิดคนใกล้ที่สูบบุหรี่จะทำให้เด็กมีความเสี่ยงมากขึ้น
  • การเลี้ยงดู เด็กกลุ่มที่ได้รับนมแม่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและลดโอกาสในการติดเชื้อได้
  • การรับวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในเด็ก

  • โดยหลักๆ จะเกิดขึ้น 2 ส่วน คือ ส่วนบนและส่วนล่าง

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน

  • โรคหวัดทั่วไป ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งอาการคือจะมีไข้ต่ำๆ หรือเด็กเล็กๆ บางคนก็อาจจะมีไข้สูงได้ มีไอ จาม น้ำมูก คัดจมูก เจ็บคอ ส่วนใหญ่อาการมักจะตีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หรือ 1-2 สัปดาห์
  • คออักเสบ ส่วนใหญ่จะเกิดจากไวรัส หรืออาจเกิดจากแบคทีเรียบางชนิด มีอาการไอ มีเสมหะ เจ็บคอ มีน้ำมูก
  • หูอักเสบ เกิดได้ทั้งจากไวรัสและแบคทีเรีย เด็กอาจจะเป็นหวัดมาก่อนแล้วก็เริ่มมีอาการไข้ ปวดหู หูอื้อ บางคนอาจจะมีหนองไหล เด็กเล็กๆ บางคนจะชอบจับหูและรู้สึกไม่สบายตัว ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อมาตรวจหู
  • ไซนัสอักเสบ มักจะมีประวัติเหมือนเป็นหวัด มีน้ำมูกไม่หาย นานเป็น 10 วัน อาจจะมีไข้สูง ปวดบริเวณกระบอกตา ตรงจมูก โพรงไซนัส สีน้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีข้นเขียว

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง

  • กล่องเสียงอักเสบ มักจะเจอในเด็กอายุ 6 เดือน – 3 ขวบ ส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส มักพบว่าเป็นหวัดมาก่อนสัก 2-3 วัน ปัจจัยในการติดเชื้ออาจจะลงมาที่กล่องเสียง ในเด็กกลุ่มนี้อาจจะมาด้วยอาการหายใจเสียงดัง ไอเสียงก้อง เสียงแหบ คนที่เป็นมากจะหายใจหอบเหนื่อย ดูเขียว เหมือนขาดออกสิเจน
  • หลอดลมอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่บริเวณหลอดลม มีไข้ ไอ เสมหะ เพียงแต่ว่ายังไม่ได้เข้าไปถึงตัวเนื้อปอด ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อไวรัส มีบางกลุ่มที่เป็นเชื้อแบคทีเรีย
  • หลอดลมฝอยอักเสบ มักเกิดในเด็กเล็ก 6 เดือน – 2 ขวบ จะเริ่มด้วยอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เป็นหวัดมาก่อน 2-3 วัน หลังจากนั้นอาจจะมีการหายใจเร็ว หอบ ไอเยอะขึ้น ถ้ามาตรวจที่โรงพยาบาลอาจจะพบว่าเสียงของปอดผิดปกติ เสมหะค่อนข้างเยอะ
  • ปอดอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่ถุงลม เนื้อปอด เด็กจะมีไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย บางคนอาจจะมีออกซิเจนต่ำ เอ็กซเรย์ปอดแล้วอาจจะพบฝ้าขาวผิดปกติ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย

จากโรคที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากมีอาการรุนแรง เช่น เด็กกินไม่ได้ ซึม มีไข้สูง หายใจหอบเหนื่อย ออกซิเจนตก มีภาวะแทรกซ้อน จำเป็นอย่างมากที่จะต้องรีบมาพบแพทย์โดยทันที

การรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

หลักการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจคือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประคองตามอาการ

  • การรักษาสาเหตุ: การใช้ยาปฏิชีวนะกรณีการติดเชื้อเกิดจากแบคทีเรีย โดยแพทย์จะเลือกใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดจะอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงความรุนแรงของอาการ

กรณีติดเชื้อไวรัสโดยทั่วไปการรักษาจะเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายจะค่อยๆ กำจัดไวรัสออกไปจากร่างกายเอง ทั้งนี้เพราะยาปฏิชีวนะฆ่าได้แต่เชื้อแบคทีเรีย ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้

  • การรักษาประคับประคองตามอาการ: คือการรักษาตามอาการผู้ป่วยโดยวิธีการรักษา เช่นเดียวกัน ไม่ว่ามีสาเหตุจากติดเชื้ออะไร เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด การให้ออกซิเจนกรณีหายใจลำบาก หรือการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำกรณีร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำกรณีผู้ป่วยกินอาหารได้น้อย เป็นต้น

 

พญ. วิชุตา ศรีสุคนธ์
กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็ก
ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลพญาไท 2

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...