ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยรอบตา ตาพร่า โฟกัสไม่ได้ บางครั้งมีคลื่นไส้อาเจียน สำหรับมนุษย์วัยทำงานที่ต้องจดจ่ออยู่หน้าจอหรือเอกสารกองโตนานๆ อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อรอบลูกตาและในลูกตาเกร็งเป็นตะคริว เพราะมีการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอาการปวดเมื่อยรอบตา
หากเกิดอาการข้างต้นให้พักการใช้สายตา และเมื่อจำเป็นต้องใช้สายตาอีก ให้ใช้สายตาเป็นเวลานานประมาณ 30 นาทีและหลับตาพักไว้ 5 นาที กรณีที่ใช้สายตาดูคอมพิวเตอร์จอใหญ่ อ่านหนังสือ ดูทีวี แต่หากต้องดูมือถือจอเล็ก ให้ใช้สายตา 10 นาทีและควรหลับตาพักไว้ 5 นาที แล้วจึงกลับมาใช้สายตาใหม่อีกครั้งสลับกันไป
แนวทางการรักษา…หากอาการรุนแรง
กรณีที่รักษาเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วไม่หาย ควรมาพบจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป โดยทั่วไปจักษุแพทย์จะทำการรักษาสองแบบ คือ ให้ทานยาและหยอดยาดูก่อน หรือในกรณีที่คนไข้ต้องการหายเร็วๆ จะทำการหยอดยาเพื่อคลายกล้ามเนื้อตา โดยการขยายรูม่านตา หลังจากนั้นคนไข้จะมีตาพร่ามัว 4 – 6 ชั่วโมง จึงไม่สามารถขับรถและทำงานได้
สัญญาณผิดปกติ…ที่ควรรีบมาพบแพทย์
- มีแสบเคืองตาบ่อย ๆ หยอดน้ำตาเทียม ก็ไม่หาย กรณีแบบนี้ควรให้จักษุแพทย์ตรวจตาดูก่อน เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากมีภูมิแพ้ในตา การรักษาไม่ยุ่งยาก ให้ใช้ยาภูมิแพ้หยอดตาอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
- เห็นเงา หรือมีจุดดำๆ ลอยไปมา คล้ายมียุงบินหรือมีเมฆหมอกลอยไปมา หรือมีแสงไฟกระพริบ แสงไฟแล่บในลูกตา ให้นึกถึงน้ำวุ้นในตาขุ่น หากมีอาการดังกล่าว ควรให้จักษุแพทย์ขยายรูม่านตา ตรวจในลูกตาอย่างละเอียด เพราะอาการดังกล่าวนำไปสู่ภาวะจอประสาทตาฉีกขาดและหลุดลอกจนมองไม่เห็นในที่สุด หากคนไข้มารักษาเร็ว จะทำให้การรักษาไม่ยุ่งยากมาก