คงปฏิเสธไม่ได้ว่า…การมีบุคลิกภาพหน้าตาที่ดี มีฟันเรียงสวยช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตัวเราและสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น เพราะรอยยิ้มเป็นหน้าต่างของใบหน้า เราจะยิ้มได้อย่างมั่นใจเมื่อมีฟันสวยและสุขภาพฟันที่ดี ซึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้ฟันสวย และมีสุขภาพฟันดี ก็คือการ “จัดฟัน”

ไม่ใช่แค่ฟันสวยแต่ยังแก้ปัญหาฟันได้ตรงจุด

หลายคนอาจมองว่าการจัดฟันเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งที่วัยรุ่นนิยมทำกัน แต่จริงๆ แล้ว การจัดฟันเป็นสาขาหนึ่งของการรักษาทางทันตกรรมที่จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของการเรียงฟัน การสบฟัน ฟันซ้อน ฟันยื่น รวมทั้งความผิดปกติที่เกี่ยวกับของขนาดฟันและขากรรไกร ซึ่งการจัดฟันจะช่วยทำเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสม เรียงตัวสวยขึ้น ทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกที่เกิดมาจากการทำความสะอาดฟันไม่ทั่วถึงเพราะฟันที่เรียงตัวผิดปกติ การจัดฟัน… นอกจากจะทำให้สุขภาพฟันและช่องปากดีขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพอีกด้วย

การจัดฟันมีแบบไหนบ้าง?

การจัดฟันแบบติดแน่น เป็นวิธีจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยการใส่เหล็กดัดฟันโดยใช้แบร็คเก็ตติดกาวชนิดพิเศษลงบนฟันแต่ละซี่เพื่อเป็นตัวยึดสำหรับลวดจัดฟัน ซึ่งทำหน้าที่ดันให้ฟันขยับตัวอีกที เครื่องมือที่ติดลงไปบนฟันนี้จะกดให้ฟันเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ต้องการ การดึงลวดให้ตึงขึ้นจะเพิ่มแรงดึงที่ตัวฟันและฟันจะค่อยๆ เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และจะมีการปรับใหม่ทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ฟันเคลื่อนไปตามทิศทางที่ต้องการ

การจัดฟันแบบถอดได้ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟันแบบถาวร ซึ่งราคาจะสูงกว่า วัสดุที่ใช้จะเป็นพลาสติกใส รูปร่างพอดีสำหรับใส่ครอบฟันไว้ โดยจะมองไม่เห็นเวลาใส่ และสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ เช่น เวลารับประทานอาหาร แปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน ซึ่งได้ผลลัพธ์เดียวกัน แถมยังสามารถเปลี่ยนเครื่องมือได้เองทุก 2-3 สัปดาห์ โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ โดยทันตแพทย์อาจจะนัดเพื่อมาติดตามผลการรักษาทุก 3-6 เดือน เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

จัดฟันใช้ระยะเวลานานแค่ไหน?

โดยส่วนมากการจัดฟันด้วยเครื่องมือจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 ปี ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความผิดปกติของฟันด้วย ในบางรายอาจใช้เวลานานมากขึ้น ขึ้นอยู่กับปัญหาและความร่วมมือของคนไข้ เช่น การดูแลรักษาความสะอาดเครื่องมือจัดฟัน ไม่ทำเครื่องมือหลุด ใช้ยางอีลาสติกตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์ตามอย่างสม่ำเสมอ

เตรียมตัวอย่างไรก่อน “จัดฟัน”

เบื้องต้นทันตแพทย์จัดฟันจะทำการซักประวัติ ตรวจฟัน ขากรรไกร และรูปหน้า หากพบว่ามีฟันผุจะต้องอุดให้เรียบร้อยและขูดหินปูนให้สะอาดเสียก่อน หากมีโรคเหงือกจะต้องได้รับการรักษาจนถึงระดับที่ควบคุมโรคเหงือกได้ก่อนเริ่มจัดฟัน หลังจากนั้น… จะทำการเอกซเรย์เพื่อดูตำแหน่งกระดูกเบ้าฟัน โครงสร้างกระดูกใบหน้า และความสัมพันธ์ของฟันบนและล่าง เมื่อได้ผลเอกซเรย์แล้ว แพทย์จะทำการพิมพ์ฟันด้วยวัสดุที่ทำจากปูนปลาสเตอร์ โดยให้ผู้เข้ารับการจัดฟันกัดลงไปบนพิมพ์ พิมพ์ฟันที่ถูกหล่อจากปูนปลาสเตอร์ขึ้นนี้จะมีรูปร่างและลักษณะเหมือนฟันจริง ใช้ในการประเมินการรักษา ในขั้นตอนนี้แพทย์จะอธิบายแผนการรักษา ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย รวมถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับอย่างละเอียดก่อนเริ่มจัดฟัน

อายุเท่าไหร่ถึง “จัดฟัน” ได้

โดยปกติแล้วฟันน้ำนมซี่สุดท้ายจะหลุดเมื่ออายุประมาณ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะจัดฟัน หากไม่มีปัญหาของกระดูกขากรรไกรมาเกี่ยวข้อง เนื่องจากฟันแท้ขึ้นครบแล้ว (ไม่รวมฟันกรามแท้ซี่ที่ 3 ซึ่งมักถูกเรียกอย่างผิดๆ ว่า “ฟันคุด”) แต่สำหรับผู้ใหญ่ถ้ามีสุขภาพฟัน เหงือก และกระดูกรองรับฟันที่แข็งแรงมากพอก็สามารถจัดฟันได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนของฟันจะช้ากว่าในเด็กและมีโอกาสเหงือกร่นมากกว่าด้วย

ไม่ใช่แค่ฟันเรียงสวย แต่ยังส่งผลต่อความงามด้วย

ผลที่ได้จากการจัดฟันไม่ใช่แค่รูปฟันที่เรียงตัวสวย การสบฟันที่ดีมากขึ้น หรือเพิ่มความมั่นใจเวลายิ้มหรือพูดคุยเท่านั้น แต่การจัดฟันยังเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้ นั่นก็เพราะเป็นผลจากการปรับฟัน ไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน การปรับรูปขากรรไกร หรือการปรับฟันที่ซ้อนเกให้เรียงตัวจึงส่งผลให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจากคนที่เคยหน้ากลม แก้มเยอะ กลายเป็นหน้าเรียวขึ้น แก้มลดลง เห็นคางชัดขึ้น เห็นจมูกชัดขึ้นได้ด้วย

จัดฟันไม่ใช่ศัลยกรรมใบหน้า

ใช่ว่าการจัดฟันจะทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับการศัลยกรรม เพราะแต่ละคนก็มีรูปหน้าที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากฟันที่เรียงตัวสวยขึ้น ในขณะที่บางคนอาจมีความเปลี่ยนแปลงในรูปหน้าโดยอาจเห็นโครงหน้าชัดขึ้น รูปจมูกชัดขึ้น นั่นก็เพราะรูปฟันที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง

แต่ที่แน่ๆ ที่ทุกคนจะได้รับเหมือนกันคือรูปฟันที่เรียงตัวสวย ทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้น ง่ายต่อการเคี้ยวอาหาร และทำความสะอาดฟันได้ดีขึ้น นอกจากนี้เวลาจะยิ้มหรือพูดคุยก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นด้วย

“จัดฟัน” สวยแบบครบสูตร ได้ทั้งสุขภาพและความงาม