ไข่ นม ถั่ว และการแพ้อาหารในเด็ก

พญาไท 1

2 นาที

ศ. 27/03/2020

แชร์


Loading...
ไข่ นม ถั่ว และการแพ้อาหารในเด็ก

เด็กควรได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโต ไข่ นม ถั่ว เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง หาซื้อได้ง่าย กินง่าย แต่อาหารทั้ง 3 ประเภทนี้อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ในเด็กจากการแพ้โปรตีนบางชนิด โดยทั่วไปเด็กที่แพ้โปรตีนมักแสดงอาการเริ่มต้นให้เห็นในขวบปีแรก และมีอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ ซึ่งอาจเกิดได้ในหลายรูปแบบการแพ้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเพราะกิน ไข่ นม ถั่ว หรือไม่ ซึ่งอาการแพ้โดยทั่วไปแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

  • ระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายมีมูกและเลือด อาเจียน คันปาก คันคอ ลิ้นบวม ไปจนถึงลำไส้อักเสบ
  • ระบบทางเดินหายใจเช่น หอบ คัดจมูก มีน้ำมูกเรื้อรัง หรืออาจมีอาการรุนแรง เช่น หายใจขัด หายใจไม่ออก รู้สึกเหนื่อย แน่นหน้าอก หลอดลมอักเสบ ลำคอบวมจนกลืนอาหารหรือกลืนน้ำลำบาก หายใจมีเสียงให้ได้ยินจากข้างใน
  • ผิวหนัง เช่น มีผื่นขึ้น ลมพิษ หรือมีอาการบวมตามอวัยวะ เช่น ปาก หน้า ดวงตา

ถ้าสังเกตแล้วมีแนวโน้มว่าจะแพ้โปรตีนจากอาหาร ก็สามารถพาลูกไปตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันและรักษาต่อไป

การทดสอบการแพ้อาหารในเด็ก

เมื่อสงสัยว่าเด็กแพ้อาหาร ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้ โดยวิธีการตรวจจะทำดังนี้

  • แพทย์ซักถามประวัติและสอบถามอาการ
  • ตรวจร่างกายด้วยการสังเกต
  • ทำการทดสอบทางผิวหนัง (skin prick test) ซึ่งผู้ป่วยจะต้องไม่ทานยาแก้แพ้ก่อนตรวจ 1 สัปดาห์ โดยจะทราบผลใน 30 นาที
  • ทำการทดสอบด้วยการตรวจเลือด เหมาะสำหรับกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถหยุดทานยาแก้แพ้ได้หรือมีผื่นที่ผิวหนังอยู่ โดยแพทย์จะทำการตรวจสารก่อภูมิแพ้ในเลือด (specific IgE) ที่สัมพันธ์กับประวัติและอาการที่เป็น ซึ่งจะทราบผลใน 3 สัปดาห์
  • ทดสอบด้วยการให้กินทานอาหารที่คาดว่าแพ้ (oral food challenge test) ทำโดยการเริ่มให้กินอาหารทางการแพทย์เฉพาะที่สงสัยว่าแพ้ในปริมาณน้อยๆ คือ 5-10% ของปริมาณที่กินตามปกติทั่วไป หากไม่มีอาการก็จะเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าในทุกๆ 15 นาที และเฝ้าดูอาการ วิธีนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่มียาและอุปกรณ์ช่วยชีวิตเตรียมพร้อมในขณะทดสอบ

 

ในทางปฎิบัติการทดสอบด้วยการกินอาหารจะไม่ทำในผู้ป่วยที่มีประวัติเคยแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ในช่วง 1 ปีที่ผ่ามมา หรือผู้ป่วยที่มีระดับภูมิต่อต้านที่สูง และก่อนการทดสอบแพทย์จะบอกข้อมูล วิธีการ ความเสี่ยง ให้ผู้ปกครองรับทราบและลงชื่อยินยอมให้ทำการทดสอบก่อน

เด็กๆ ควรระวังการกินอาหารเสี่ยงภูมิแพ้

เด็กๆ ควรระมัดระวังหากกินอาหารจำพวก นมวัว ไข่ แป้งสาลี อาหารทะเล ปลา ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ แมคคาเดเมีย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผงชูรส สารกันบูด สารแต่งกลิ่นและแต่งสีสังเคราะห์

วิธีสังเกตการแพ้อาหารแต่ละชนิด

  • แพ้ไข่ การแพ้ไข้หรืออาหารทะเล มักจะแสดงอาการทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ หรือผื่นแพ้เป็นเม็ดเหมือนทรายกระจายไปทั่วตัว ผิวหนังจะหยาบและแห้งเป็นขุย ในรายที่แพ้รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกได้
  • แพ้นมวัว เด็กที่ดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดมักจะไม่ค่อยแพ้นมวัว แต่อาจจะแพ้จากการที่แม่ดื่มนมวัวเข้าไป เด็กที่แพ้นมวัวอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง น้ำหนักตัวน้อย ไม่ชอบดื่มนม โยเย อารมณ์ไม่ค่อยดี ในรายที่แพ้รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกได้เช่นกัน หากพบว่าแพ้นมวัน ก็ควรเลี่ยงการกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมวัว เช่น เนย เนยแข็ง ขนมปัง คุกกี้ นมเปรี้ยว ไอศกรีม คุกกี้
  • แพ้ถั่ว ส่วนใหญ่จะเป็นการแพ้ถั่วเหลือง มักแสดงอาการปวดท้อง นอนไม่หลับ หรือมีเลือดออกมากับอุจจาระ เด็กมักอารมณ์ไม่ดี และโตช้า
  • แพ้แป้งสาลี อาการแพ้แป้งสาลีมักแสดงออกในลักษณะ ปากบวม ตาบวม ผื่นคัน ผื่นลมพิษ คัดจมูก หายใจลำบาก คันตา น้ำตาไหล ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ถ้าเด็กแพ้รุนแรงเฉียบพลันอาจเสียชีวิต เพราะการแพ้รุนแรงมักทำให้กล่องเสียงบวม หลอดลมตีบ เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ชีพจรเต้นเบา และช็อกหมดสติได้ เด็กที่แพ้แป้งสาลีก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากแป้งสาลี เช่น บะหมี่ เส้นพาสต้า ขนมปัง ขนมกรุบกรอบบางชนิด ขนมเค้ก คุกกี้

แพ้อาหารตอนเป็นเด็กอาจหายได้เมื่อโตขึ้น

เด็กมีโอกาสแพ้อาหารประเภท นม ไข่ และถั่ว มากกว่าผู้ใหญ่ เด็กที่แพ้อาหารควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่แพ้อย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี โดยทั่วไปแล้วเมื่อโตขึ้น การแพ้อาหารบางอย่างอาจลดความรุนแรงหรือหายได้ แต่เพื่อความมั่นใจ ควรหาโอกาสตรวจและทำการรักษาโดยแพทย์ เมื่อหายดีแล้วจึงค่อยกลับมารับประทานอาหารที่เคยแพ้จะดีกว่า


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...