หัวข้อที่น่าสนใจ
- ‘ดริปวิตามิน’ คืออะไร
- ดริปวิตามิน แตกต่างกับการทานวิตามินอย่างไร?
- ขั้นตอนการทำดริปวิตามิน
- ข้อควรระวังของการ ‘ดริปวิตามิน’
‘ดริปวิตามิน’ คืออะไร
ดริปวิตามิน หรือ IV Therapy ย่อมาจาก Intravenous Therapy หรืออีกชื่อที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Vitamin Drip และ วิตามินบำบัด หมายถึงการให้วิตามินหรือสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม เพราะเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ต้องการความรวดเร็ว ปลอดภัย เห็นผลไว และใช้เวลาในกระบวนการทำไม่นาน การดริปวิตามินจึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ดริปวิตามิน แตกต่างกับการทานวิตามินอย่างไร?
ดริปวิตามิน แตกต่างกับการรับสารอาหาร วิตามิน หรือเกลือแร่ในรูปแบบอื่นๆ เช่น การรับประทาน การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ การอมใต้ลิ้น รวมถึงการทาครีมเพื่อให้ดูดซึมผ่านทางผิวหนัง ในการทำดริปวิตามินนี้จะสามารถนำวิตามินและเกลือแร่เข้าสู่หลอดเลือดและส่งผลในการบำรุงร่างกายได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย การดูดซึม หรือถูกคัดกรองผ่านด่านใดๆ หลังจากนั้นจึงจะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระโดยไม่มีการสะสมหรือตกค้างเป็นอันตรายอยู่ในร่างกาย
ด้วยประโยชน์ดังกล่าวจึงมีการปรุงสูตรการดริปวิตามินขึ้นหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการดูแลสุขภาพของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ในแต่ละสูตรหากต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เกิดอันตรายในการบำบัด ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง
ขั้นตอนการทำดริปวิตามิน
- เข้ารับการตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร อุณหภูมิกาย น้ำหนัก และ ส่วนสูง ซึ่งจำเป็นต่อการคำนวณปริมาณและความเข้มข้นของสารน้ำ รวมถึงอัตราเร็วในการให้สารน้ำเพื่อมิให้เกิดผลข้างเคียงอีกด้วย
- พบแพทย์เพื่อปรึกษาถึงปัญหาสุขภาพที่กังวล ประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการแพ้ยา รวมถึงการให้ข้อมูลสุขภาพโดยรวม เพื่อที่แพทย์จะได้ให้คำแนะนำในการดูและเลือกสูตรสารน้ำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- เจาะเลือด เพื่อประเมินสภาวะของร่างกายว่าสามารถทำดริปวิตามิน ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงช่วยในการปรับปริมาณความเข้มข้นของวิตามิน ความถี่และจำนวนครั้งในการบำบัดที่เหมาะสม
ข้อควรระวังของการ ‘ดริปวิตามิน’
แม้ว่าการดริปวิตามินจะเป็นวิธีบูสต์ร่างกายที่น่าสนใจ และมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในคนบางกลุ่ม ที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการดริปวิตามิน
- หญิงตั้งครรภ์ หรือ หญิงให้นมบุตร
- ประวัติการแพ้ยา หรือ วิตามินใดๆ รวมถึงลักษณะอาการที่แพ้เป็นอย่างไร
- โรคประจำตัว และยาที่รับประทานเป็นประจำ
- ภาวะไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรัง
- เป็นโรค G6PD
- รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด
- รู้สึกไม่สบาย มีไข้สูง
- มีผื่นหรือแผลบริเวณที่จะสอดเข็มเพื่อให้สารน้ำ เช่น ข้อพับแขน ข้อมือ หลังฝ่ามือ
- กำลังอยู่ในช่วงอดอาหาร หรือ ควบคุมน้ำหนัก
กระบวนการต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะทำให้คุณได้รับการบำบัดดูแลสุขภาพได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อีกทั้งการทำดริปวิตามิน หรือ IV Therapy นี้ควรทำในสถานพยาบาลที่มีทีมแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือพร้อมช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน จึงจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล