แน่นอนว่า! คงไม่มีคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านใดที่อยากเครียด แต่หากหลีกเลี่ยงสารพัดความกังวลไม่ได้ คุณแม่จะต้องรีบทำความเข้าใจ เรียนรู้ และปรับตัวให้ทัน หรือหากกิจกรรมคลายเครียดให้กับตัวเอง ที่สำคัญคือคนรอบข้าง ทั้งสามี ครอบครัว และเพื่อนๆ ถือเป็นกำลังใจที่สำคัญ เพราะยิ่งคุณแม่คิดบวกหรืออารมณ์ดีมากเท่าไหร่? ก็ยิ่งดีต่อทารกในครรภ์มากเท่านั้น
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์…มักเกิดความเครียด
ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่มักมีความกังวลระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งในเรื่องของน้ำหนัก ความเป็นอยู่ การปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการคลื่นไส้ อาเจียน กินข้าวไม่ได้ และการดูแลตัวเองอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ ส่วนความกังวลหลังคลอด มักจะเป็นความกังวลที่ว่าจะสามารถดูแลลูกได้ดีหรือไม่
โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเครียด คือ
- เป็นผลจากฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่ความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์เพิ่มขึ้น
- ความกังวลของคุณแม่ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
รู้ไหม? ความเครียดส่งต่อจากแม่สู่ลูก(ในครรภ์)ได้
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิด คือฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน โดยผลกระทบที่เกิดจากความเครียดนั้น…แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือมารดาและทารกในครรภ์ ดังนี้…
- ฝั่งมารดา เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเครียดจะทานอาหารไม่ได้ หรือทานได้มากกว่าปกติ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้หลอดเลือดตีบ ความดันสูง และหัวใจเต้นเร็วขึ้น
- ฝั่งทารก เริ่มแรก ถ้าคุณแม่เครียดมากๆ อาจทำให้แท้งได้ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ หรือทำให้อาหารไปเลี้ยงลูกไม่พอ การเจริญเติบโตของเด็กจึงช้าและมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วยังส่งผลให้เด็กเลี้ยงยาก ขี้งอแง อ่อนไหวง่าย ขี้โมโห ไวต่อการกระตุ้น ในระยะยาวจะทำให้เด็กมีปัญหาด้านการปรับตัวทางสังคม อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดโรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน เป็นต้น
เข้าใจ เรียนรู้ ยอมรับ และปรับตัว คือวิธีดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
ความเครียดของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก วิธีที่ง่ายที่สุด คือเมื่อรู้ตัวว่าเครียด ต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตัวเองว่าความเครียดเหล่านั้นเกิดขึ้นจากฮอร์โมนธรรมชาติและความกังวลของตัวเอง คุณแม่ทุกคนจึงควรทำความเข้าใจ เรียนรู้ และยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรือหาวิธีรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น หาวิธีผ่อนคลาย ทำกิจกรรมคลายเครียด ซึ่งอาจเป็นกิจกรรมที่ชอบทำอยู่แล้ว หรือกิจกรรมใหม่ๆ ที่อยากลอง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ จัดดอกไว้ วาดรูป ออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ นั่งสมาธิ เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการไปกินข้าวนอกบ้าน หรือออกไปพบปะเพื่อนๆ
นอกจากนี้ คนรอบข้างก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเครียดของคุณแม่ได้ โดยเฉพาะสามีและคนในครอบครัว ที่ควรทำความเข้าใจธรรมชาติของคุณแม่ตั้งครรภ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ รวมถึงมีความกังวลต่างๆ จึงควรดูแลอย่างใกล้ชิด ให้กำลังใจให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
“คิดบวก” ช่วยลดความเครียดในคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะแสดงอาการเครียดแตกต่างกันไป คุณแม่บางคนที่ปรับตัวได้ เมื่อตั้งครรภ์แล้วจะมีอารมณ์ดี นึกถึงลูกในท้อง วางแผนการเลี้ยงลูกล่วงหน้า
อย่างไรก็ตามคุณแม่บางคนมีแนวโน้มที่จะมีอาการ ซึมเศร้าหลังคลอด หรือ Postpartum Blues ส่วนมากเกิดขึ้นหลังคลอดลูกภายใน 1 เดือน มักเกิดในคุณแม่ท้องแรก หรือตั้งครรภ์ตอนอายุมาก จะมีอาการไวต่อการกระตุ้น อ่อนไหวง่าย มีความกังวลมาก ร่วมกับการพักผ่อนน้อย เพราะต้องเลี้ยงลูกเกือบ 24 ชั่วโมง ซึ่งวิธีบรรเทาภาวะซึมเศร้าหลังคลอดขึ้นอยู่กับระดับความเครียดของคุณแม่ ถ้าไม่รุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำให้ใช้การพูดคุย ให้กำลังใจกันภายในครอบครัว แต่หากเป็นความเครียดสะสม ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ