ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี เมื่อตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงทั้งตัวแม่เองและลูกในครรภ์ด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ควรรีบมาพบแพทย์ หรือมาฝากครรภ์กับคุณหมอตั้งแต่เนิ่นๆ

ตรวจสุขภาพ…เช็กความเสี่ยงคุณแม่

วิธีการดูแลจะเริ่มจากพบแพทย์ตรวจสุขภาพว่าคุณแม่มีความเสี่ยงอะไรบ้าง เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษระหว่างคลอด เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ หรือพบเนื้องอก เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวต้องแก้ไขและรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น เบาหวาน ก็จะมีการควบคุมอาหาร และการใช้ยา เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะตรวจเช็คและคอยมอนิเตอร์ติดตามให้ตั้งแต่คุณแม่เริ่มมาฝากครรภ์

ในส่วนของทารกนั้นจะมีความเสี่ยงในเรื่องโครโมโซม ซึ่งเด็กอาจพบความผิดปกติได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับคุณแม่ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี วิธีลดความเสี่ยงของทารก คุณแม่ควรมาฝากครรภ์ทันทีที่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยง โดยการตรวจคัดกรองโครโมโซมที่ค่อนข้างแม่นยำในปัจจุบัน รวมถึงการเจาะน้ำคร่ำเมื่ออายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์

คำแนะนำเรื่องการกินสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

เรื่องอาหารการกิน คุณแม่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และถ้าคุณแม่มีการวางแผนตั้งครรภ์อยู่แล้วด้วย ก็สามารถทานโฟลิค แอซิด ก่อนตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ชา กาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และสิ่งที่สำคัญ คุณแม่ควรควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน เพราะเมื่ออายุมากขึ้นและไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็มีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

คุณแม่ตั้งครรภ์…ออกกำลังกายได้ไหม?

สำหรับคุณแม่ท่านใดที่อยากออกกำลังกาย แนะนำว่าสามารถออกกำลังกายได้ แต่ควรเน้นการออกกำลังกายเบาๆ สำหรับบางคนที่เคยออกกำลังมาก่อน เมื่อท้องควรออกกำลังกายให้เบาลงกว่าแต่ก่อน แต่สำหรับคุณแม่ที่ไม่เคยออกกำลังมาก่อน เมื่อตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มากกว่าปกติ

การใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง และพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะช่วงตั้งครรภ์อาจเกิดภาวะหลับยาก นอนไม่ค่อยหลับ ในบางรายคุณแม่ตื่นบ่อยในตอนกลางคืน เช่น ลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ควรงีบหลับในช่วงกลางวัน เพราะช่วงตั้งครรภ์เลือดจะไปเลี้ยงมดลูกเยอะทำให้ง่วงนอนบ่อย เพลีย อีกด้วย

พญ. ธาริณี ลำลึก
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท 2

ตั้งท้องตอนอายุ 35 ต้องดูแลตัวเองอย่างไร