ภูมิแพ้ขึ้นตาในเด็ก ต้องรักษาที่ต้นเหตุ

ภูมิแพ้ขึ้นตาในเด็ก ต้องรักษาที่ต้นเหตุ

อาการแพ้ หรือ โรคภูมิแพ้ ที่พบได้บ่อยในเด็กไทย มักมีสาเหตุมาจากสารก่อภูมิแพ้ประเภทไรฝุ่น แมลงสาบ และละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงต้นหญ้าอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งจะทำให้เกิดอาการ ‘ภูมิแพ้ขึ้นตา’ เพราะสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้สามารถละลายในน้ำตาและเข้าสู่เยื่อตา ซึ่งเนื้อเยื่อนี้จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ในเวลาต่อมา

 

ภูมิแพ้ขึ้นตา…โรคภูมิแพ้ที่เป็นกันมาก

จากการศึกษาความชุกของโรคภูมิแพ้โดยรวม พบว่า 30-40% ของประชากรโลกเป็นโรคภูมิแพ้อย่างน้อย 1 ชนิด โดยพบมากในกลุ่มคนอายุน้อย และมีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับในเด็กมักพบโรคภูมิแพ้ที่ตาร่วมกับโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ส่วนในผู้ใหญ่นั้นพบได้ประมาณ 15-20% และอาจสูงถึง 40% ในบางการศึกษา ดังนั้นโรคภูมิแพ้ที่ตาจึงถือเป็นอีกโรคสำคัญที่ควรต้องระวังและเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง

 

ภูมิแพ้ขึ้นตามีอาการอย่างไร ?

โดยมากแล้ว ผู้ป่วยที่มาพบแพทย์มักมาด้วยอาการ คันตา ต้องขยี้ตา หรือมีความผิดปกติจนต้องกะพริบตาถี่ๆ โดยมี อาการสำคัญที่เกิดจากภูมิแพ้ขึ้นตาก็คือ คันตามาก และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาแดง เคืองตา น้ำตาไหล เยื่อตาบวม มีขี้ตา เป็นเมือกสีขาว ตาพร่ามัวลง หนังตาตก โดยเปลือกตาอาจบวมหรือเป็นปกติก็ได้ อย่างไรก็ตาม กระจกตามักจะปกติ

 

นอกจากอาการทางตาแล้ว อาจมีอาการทางจมูกร่วมด้วย เช่น คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล และพบร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ ได้ เช่น โรคจมูกอักเสบ หอบหืด หรือผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อผู้ป่วยได้สัมผัสกับสิ่งที่ตนแพ้ ดังนั้นผู้ป่วยจึงมักมีอาการเป็นๆ หายๆ ตามช่วงเวลาที่ผู้ป่วยสัมผัสหรือได้รับสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ เมื่อไม่ได้สัมผัสหรือหายจากการแพ้ครั้งนั้นๆ แล้วก็จะไม่มีอาการเกิดขึ้นอีกจนกว่าจะได้ไปสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ใหม่

  • การรักษาที่สำคัญที่สุดของโรคภูมิแพ้ที่ตา คือ การบ่งชี้สารก่อภูมิแพ้ให้ได้ และพยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ เช่น อยู่ในที่ร่มและปิดหน้าต่างเมื่อเกิดภาวะละอองเกสรฟุ้งในอากาศสูง โดยเฉพาะช่วงสายและตอนเย็น
  • หมั่นทำความสะอาดที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ตุ๊กตาที่อยู่บนเตียงบ่อยๆ หรือแม้แต่ทำความสะอาดภายในบ้าน เพื่อลดโอกาสสัมผัสกับไรฝุ่น
  • ใช้ผ้าคลุมเตียงและเครื่องนอนที่กันไรฝุ่นได้
  • ใช้ผ้าเปียกทำความสะอาดพื้นผิว ซึ่งจะดีกว่าการปัดหรือกวาดฝุ่นเพียงอย่างเดียว
  • ปิดฝาถังขยะให้มิดชิดเพื่อป้องกันแมลงสาบ
  • กำจัดเชื้อราทุกชนิดในบ้าน
  • หมั่นตรวจเช็กและทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ
  • ล้างมือและทำความสะอาดร่างกายเมื่อสัมผัสกับสัตว์ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
  • สวมแว่นตาที่ปกป้องดวงตาได้มิดชิดเมื่อออกจากบ้าน เพื่อลดโอกาสสัมผัสกับละอองเกสรดอกไม้หรือเชื้อรา โดยเฉพาะแว่นตาแบบโค้งอ้อมมาปิดที่ด้านข้าง ซึ่งจะช่วยป้องกันได้มากขึ้น
  • ลดการใส่คอนแทคเลนส์ในช่วงที่มีภูมิแพ้ตามฤดูกาล และหมั่นทำความสะอาดทุกวัน หรือเปลี่ยนเป็นใช้แบบใช้วันเดียวทิ้ง
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาเมื่อมีอาการคัน เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากขึ้น และทำให้อาการแย่ลง

 

การใช้ยารักษาโรคภูมิแพ้ขึ้นตา

ยารักษาที่อาจต้องใช้เมื่อมีอาการภูมิแพ้ที่ตานั้น มี 3 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  • ยาต้านสารฮีสตามีน  (Antihistamine) อาจเป็นยาหยอดตาหรือยารับประทานก็ได้ ข้อควรระวังของกลุ่มยาต้านสารฮีสตามีน คือ ยาชนิดนี้อาจทำให้เกิดภาวะต้อหินเฉียบพลันในผู้ป่วยที่เป็นต้อหินชนิดมุมแคบ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ก็ไม่เป็นข้อห้ามของการใช้ยาชนิดนี้ สามารถใช้ได้ถ้าจำเป็น แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และห้ามใช้ในผู้ที่มีความดันตาสูง
  • ยาระงับการหลั่งสารจากแมสต์เซลล์ (Mast cell stabilizer) ที่ก่อให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ชนิดหยอดตา ในปัจจุบันมียาหยอดตาหลายยี่ห้อในท้องตลาดที่มีส่วนผสมของยาต้านสารฮีสตามีน และยาระงับการหลั่งสารจากแมสต์เซลล์ในขวดเดียวกัน ทำให้สะดวกต่อการใช้มากยิ่งขึ้น
  • ยาสเตียรอยด์ (Steroids) ชนิดหยอดตา ให้ผลการรักษาที่ดีมาก มักใช้ในรายที่มีอาการรุนแรง เรื้อรัง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น การใช้ในระยะยาวอาจมีผลข้างเคียง คือ ทำให้เกิดโรคต้อหิน โรคต้อกระจก และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อที่ตาได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของจักษุแพทย์เท่านั้น

ยาชนิดอื่นที่ช่วยเรื่องภูมิแพ้ขึ้นตา เช่น

  • น้ำตาเทียม (Artificial tears) ช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ออกจากตา
  • ยาบีบหลอดเลือด (Vasoconstrictors) ใช้ลดอาการแดง ช่วยลดอาการคันได้น้อยมากหรือไม่ช่วยเลย ซึ่งการใช้ระยะยาวอาจทำให้ตากลับมาแดงอีกได้ จึงเหมาะกับการใช้ระยะสั้นเท่านั้น
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) จะช่วยลดอาการคัน สามารถใช้รักษาโรคภูมิแพ้ที่ตาได้เช่นกัน แต่จะต้องพิจารณาข้อบ่งใช้เป็นรายๆ ไป

หากบุตรหลานของท่านมีอาการที่ตา ไม่ว่าจะใช่ ‘ภูมิแพ้ขึ้นตา’ หรือไม่ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัย และรักษาอย่างตรงจุด เพราะดวงตานับเป็นอวัยวะที่บอบบางและมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการดำรงชีวิต


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

ภาวะหนังตาหย่อนและหนังตาตก ผ่าตัดรักษาได้

พญาไท 1

ภาวะเปลือกตาตกหรือหย่อน จัดเป็นโรคหรือความผิดปกติของเปลือกตาชนิดหนึ่ง ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยรักษาหรือแก้ไขให้กลับมาเป็นปกติ และตกแต่งให้สวยงามดูดีได้

เบาหวานขึ้นตา…ปล่อยไว้นานอาจตาบอดได้

พญาไท 1

มีประชากรไทยมากกว่า 3 ล้านคนเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งโรคนี้ทำให้เกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ รวมถึง ดวงตาและจอประสาทตา ซึ่งเรามักพบว่าหากผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีต่อเนื่องนานๆ ก็อาจทำให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา จนทำให้ตาบอดได้

รู้เท่าทัน โรคตาเขในเด็ก รักษาเร็วโอกาสหายดีมีมากกว่า

พญาไท 1

โรคตาเข คือสภาวะที่ลูกตาทั้ง 2 ข้างไม่ขนานกันและทำงานไม่ประสานกัน เช่น ลูกตาอาจเบนเข้าด้านใน ออกด้านนอก ขึ้นบน หรือลงล่างเมื่อมองวัตถุเดียวกัน การรักษาตาเขยิ่งเริ่มในอายุน้อยเท่าไหร่ผลที่ได้ก็จะดีกว่าเท่านั้น

การผ่าตัดต้อหินโดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ (deep sclerectomy) และสาร Healaflow

พญาไท 1

Trabeculectomy เป็นการผ่าตัดมาตรฐานเพื่อรักษาโรคต้อหินโดยมีข้อบ่งชี้ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ยาร่วมกับ เลเซอร์รักษาเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถควบคุมความดันตาให้อยู่ในระดับที่ต้องการหรือไม่สามารถชะลอโรคได้