การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (บายพาสหัวใจ) CABG: Coronary Artery Bypass Surgery

การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (บายพาสหัวใจ) CABG: Coronary Artery Bypass Surgery

เมื่อเส้นเลือดหัวใจตีบจะมีอาการอย่างไร

อาการที่พบได้จากโรคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น เจ็บแน่นหน้าอกร้าวไปไหล่ซ้ายและแขนซ้าย บางรายร้าวขึ้นไปตามคอ  อาการเป็นมากขึ้นเมื่อออกแรง แต่เมื่อนั่งพักจะดีขึ้น ในรายที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบมากจนตัน จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอย่างรุนแรงจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ถ้านำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ คนไข้บางคน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน อาจไม่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก แต่จะมีอาการหัวใจวาย เช่น เหนื่อยหอบง่าย บางรายอาจมาโรงพยาบาลด้วยอาการหัวใจหยุดเต้น

การรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยการผ่าตัด

การผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะทำได้ใน 3 ลักษณะ ได้แก่

  • การผ่าตัดบายพาสหัวใจแบบใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Traditional Coronary Artery Bypass Grafting) คือ การผ่าตัดใหญ่ที่ต้องเปิดช่องอก ต้องใช้ยาเพื่อหยุดการเต้นของหัวใจ และใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยเพื่อให้เลือดยังสามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายโดยไม่ผ่านหัวใจ จนกว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น วิธีการนี้มีใช้มากว่า 30 ปี และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
  • การผ่าตัดบายพาสหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump Coronary Artery Bypass Grafting) วิธีการผ่าตัดบายพาสแบบนี้จะเปิดช่องอกคล้ายกับวิธีแรก แต่แพทย์จะไม่ใช้ยาเพื่อหยุดการเต้นของหัวใจ และจะไม่ใช้อุปกรณ์พิเศษที่ใช้สูบฉีดเลือด
  • การผ่าตัดบายพาสหัวใจแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive Direct Coronary Artery Bypass Grafting) เป็นการผ่าตัดด้วยอุปกรณ์พิเศษ ซึ่งจะทำให้แพทย์ไม่ต้องทำการเปิดช่องอก มักนิยมทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจอุดตัดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของหัวใจ วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจมากกว่า 1 เส้น

ใครบ้างที่ต้องได้รับการผ่าตัด CABG

  • ผู้ที่มีอาการจากการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีที่ไม่สามารถรักษาทางอื่นได้
  • ผู้ที่มีการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีเส้นซ้ายใหญ่รุนแรง
  • ผู้ที่มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจรุนแรงหลายเส้น โดยเฉพาะคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไตวายเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยบางรายที่จำเป็นต้องป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แม้ไม่มีอาการแต่มีการตีบตันของหลอดเลือดหลักที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจบริเวณกว้าง

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดบายพาสหัวใจ

การผ่าตัดบายพาสหัวใจนับเป็นการผ่าตัดใหญ่ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี ซึ่งแพทย์และพยาบาลจะเป็นผู้แนะนำและดูแลควมพร้อมให้กับคนผู้ป่วย แต่ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด สิ่งที่ควรทำก่อนเข้ารับการผ่าตัดนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่โดยหลักๆ แล้วจะมีดังต่อไปนี้

  • รับประทานอาหารและยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • หยุดกิจกรรมบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • เข้าพักเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด
  • ตรวจความพร้อมก่อนการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์หัวใจและวิสัญญีแพทย์
  • เช็คผลเลือด เตรียมเลือด
  • การหยุดยาต้านเกล็ดเลือด กรณีนี้จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ เพราะในบางกรณีการหยุดยาอาจมีอันตรายทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายก่อนผ่าตัดได้
  • ฝากของมีค่า ฟันปลอม แว่นตา หรือของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ไว้กับคนใกล้ชิดหรือพยาบาลก่อนผ่าตัด

การดูแลหลังผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ

คนไข้ควรพักในห้อง  CCU ประมาณ 2 วัน  เพราะเมื่อออกมาจากห้องผ่าตัดใหม่ๆ คนไข้อาจมีท่อช่วยหายใจอยู่ด้วย เมื่อคนไข้ฟื้นดีแล้วก็จะให้หายใจเองได้โดยพยาบาลจะนำท่อช่วยหายใจออกให้ ต่อเมื่อคนไข้หายใจเองได้ดีจึงจะถูกส่งตัวจากห้อง CCU ไปพักที่ห้องพักที่มีเครื่องติดตามการเต้นของหัวใจ เมื่อคนไข้แข็งแรงขึ้นก็จะสามารถเดินไปห้องน้ำได้เอง แต่ก็จะมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาคอยดูแล ช่วยฟื้นฟู โดยปกติแล้วคนไข้จะพักฟื้นที่โรงพยาบาลราว 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด จากนั้นจึงกลับไปพักฟื้นที่บ้าน และมาพบหมอตามนัดหมาย เพื่อติดตามอาการและผลการรักษาต่อไป

 

รศ. นพ. กิตติชัย เหลืองทวีบุญ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจหลอดเลือดและทรวงอก
ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 1


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...