ตรวจพบก้อนนิ่วในถุงน้ำดี อย่าปล่อยทิ้งไว้ อาจเสี่ยง! มะเร็งถุงน้ำดี

พญาไท 2

1 นาที

พฤ. 07/05/2020

แชร์


Loading...
ตรวจพบก้อนนิ่วในถุงน้ำดี อย่าปล่อยทิ้งไว้ อาจเสี่ยง! มะเร็งถุงน้ำดี

ถุงน้ำดี อวัยวะที่มีหน้าที่ในการกักเก็บน้ำดี เพื่อใช้ในการช่วยย่อยไขมัน และเมื่อสารประกอบในน้ำดีเกิดความไม่สมดุลกัน ก็จะทำให้เกิดตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่ว ส่วนใหญ่พบโรคนี้ในผู้ที่อายุระหว่าง 40-60 ปี ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รักษาก็ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้ออักเสบของถุงน้ำดี และมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งถุงน้ำดี ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือรับการตรวจและรักษาให้ทันท่วงที

องค์ประกอบน้ำดีไม่สมดุล…ปัจจัยทำให้เกิด “นิ่วในถุงน้ำดี”

การที่องค์ประกอบน้ำดีไม่สมดุล เช่น สารประกอบบางชนิดมากหรือน้อยเกินไป เนื่องจากความผิดปกติของการเผาผลาญ หรือจากการติดเชื้อ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ แล้วใน “น้ำดี” มีสารประกอบอะไรอยู่บ้าง? เรามาดูกัน..

  • น้ำ
  • คอเลสเตอรอล
  • ฟอสโฟลิพิด (Phospholipids) (ส่วนใหญ่จะเป็นเลซิติน)
  • บิลิน (Bilin) หรือรงควัตถุน้ำดี (บิลิรูบินไดกลูโคโรไนด์ (bilirubin diglucoronoide))
  • เกลือน้ำดี (โซเดียมไกลโคโคเลตและโซเดียมทอโรโคเลต)
  • ไบคาร์บอเนตไอออน

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ําดีได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ

  • เพศหญิงอายุมากกว่า 40 ปี
  • คนในครอบครัวเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
  • มีน้ำหนักตัวมาก (ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25) ในบางรายมีน้ำหนักลดลงมากในช่วงเวลาสั้นๆ
  • มีบุตรหลายคน / ตั้งครรภ์
  • ใช้ยาลดระดับคอเลสเตอรอล
  • มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน
  • รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันและมีแคลอรี่สูง กากใยอาหารน้อย

เสี่ยง “นิ่วในถุงน้ำดี” หรือไม่? ตรวจให้รู้ได้ด้วยวิธีนี้..

  • ซักประวัติอาการและการตรวจร่างกาย
  • ตรวจเลือดดูการทำงานของตับ
  • อัลตร้าซาวนด์ช่องท้องส่วนบน
  • ส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography: ERCP) ซึ่งจะทำในกรณีที่สงสัยว่ามีนิ่วในท่อน้ำดี
  • Magnetic Resonance Cholangiopancreatography หรือ MRCP เป็นการตรวจหาความผิดปกติของท่อทางเดินน้ำดีด้วยเครื่อง MRI

ซึ่งในการตรวจอัลตร้าซาวนด์แล้วพบว่ามีก้อนนิ่วในถุงน้ำดีนั้น สามารถแบ่งการรักษาออกเป็น 2 กรณีคือ..

  • กรณี..ตรวจอัลตร้าซาวนด์พบก้อนนิ่วในถุงน้ำดี แต่ไม่มีอาการอื่นร่วม

หากแพทย์ตรวจพบก้อนติ่งเนื้อ แพทย์จะส่งวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น ส่งตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ในกรณีที่ก้อนเนื้อมีขนาดเล็ก และคนไข้ไม่มีอาการอื่นๆร่วม แพทย์จะให้คนไข้มาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการเป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี

  • กรณี..ตรวจอัลตร้าซาวนด์พบนิ่วในถุงน้ำดี และมีอาการอื่นร่วม

โดยอาการร่วมที่พบบ่อย ได้แก่..

  • ปวดท้องอย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณช่องท้องส่วนบนหรือด้านขวา โดยมีระยะเวลาปวดตั้งแต่ 15 นาทีถึงหลายชั่วโมง และอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณกระดูกสะบักหรือบริเวณไหล่ด้านขวา
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาการทางระบบทางเดินอาหารอื่นๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แสบร้อนที่ยอดอก มีลมในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่หลังรับประทานอาหารมัน
  • หากมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะทำให้มีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงขวา และอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้มได้

แนวทางการรักษานิ่วในถุงน้ำดี

  1. การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy)
  2. การส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography: ERCP) ในกรณีที่มีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย
  3. การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง
  4. การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านช่องคลอด (Trans Vagina Cholecystectomy)

ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง Vs ผ่าตัดส่องกล้อง มีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ผ่าตัดส่องกล้อง
ปริมาณการเสียเลือดขณะผ่าตัด เสียเลือดมากกว่า เสียเลือดน้อยกว่า
ขนาดของแผล 12 – 20 เซนติเมตร ขนาด 6 – 8 มิลลิเมตร
จำนวน 3 – 4 รู
ความเจ็บปวดหลังผ่าตัด มาก น้อย
เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล นานกว่า สั้นกว่า
เวลาพักฟื้นที่บ้านจนไปทำงานได้ตามปกติ 4 – 6 สัปดาห์ 2 – 3 สัปดาห์

การดูแลตนเองหลังผ่าตัด

โดยทั่วไปเมื่อการผ่าตัดไม่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยอาจนอนพักรักษาตัวใน 1-2 วัน และสามารถกลับบ้านไปพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ในการผ่าตัดส่องกล้องซึ่งมีแผลขนาดเล็กที่ผนังหน้าท้อง 3-4 แผล การดูแลแผลจึงไม่ได้ยุ่งยาก ซึ่งบางรายใช้ผ้าปิดแผลชนิดกันน้ำไว้และมาพบแพทย์เพื่อดูแลแผลตามนัด


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...