เส้นเลือดขอดเป็นปัญหาของเส้นเลือดดำที่รบกวนผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ โดยในระยะเริ่มต้นของเส้นเลือดขอดอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแค่ก่อให้เกิดความไม่สวยงามของผิวที่ขา สูญเสียความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีไป แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจลุกลามกลายเป็นภาวะที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตในอนาคตได้
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็น “เส้นเลือดขอด”
พฤติกรรมที่ทำให้มีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดได้ง่าย คือคนที่ต้องยืนนานๆ นั่งนานๆ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ รวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์ คนที่มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น อายุมากขึ้น หรือผู้ที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นเส้นเลือดขอด
หากเส้นเลือดขอดรุนแรงขึ้น…อาจส่งผลข้างเคียงเหล่านี้
อย่างที่บอกไปในข้างต้นว่า หากปล่อยให้เป็นไปนานๆ อาการเส้นเลือดขอดอาจจะลุกลามรุนแรง ซึ่งจะส่งผลให้สีผิวบริเวณที่เป็นเปลี่ยนไป มีอาการคัน ขาบวม ปวดเมื่อย เห็นเส้นเลือดดำที่โป่งพองชัดขึ้น เกิดเป็นแผลเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
ประเมินหาสาเหตุ เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้ ควรเข้ารับคำปรึกษาและตรวจประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหลอดเลือด ซึ่งจะได้รับการดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยก่อนการรักษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำอัลตราซาวด์หลอดเลือดดำ เพื่อประเมินหาสาเหตุซ่อนเร้น เช่น ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำใหญ่ หรือวาล์วของหลอดเลือดดำเสียทำให้เลือดไหลย้อน
แนวทางการรักษาเส้นเลือดขอด
ในปัจจุบันมีนวัตกรรมที่หลากหลายให้เลือกสำหรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่เหมาะสม โดยจะพิจารณาตามสาเหตุและอาการแสดง ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 วิธี ดังนี้…
- Sclerotherapy เป็นวิธีฉีดสารให้เส้นเลือดดำเล็กๆ ที่ขอดฝ่อไป สามารถทำได้ที่คลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล
- VeinGogh เป็นการใช้คลื่นความถี่จำเพาะเพื่อรักษาเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ที่รูปร่างคล้ายใยแมงมุม ซึ่งการรักษานี้สามารถทำได้ที่คลินิกผู้ป่วยนอกเช่นกัน
- Radiofrequency, Laser Ablasion ใช้ทำให้เส้นเลือดดำที่วาล์วเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุซ่อนเร้นของเส้นเลือดขอดฝ่อไป ป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดลงที่ขาและเท้าซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวมและปวด
- การผ่าตัด เป็นการผ่าตัดแผลเล็กๆ ใช้ในกรณีที่เส้นเลือดขอดมีขนาดใหญ่และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ควรรักษาด้วยวิธีอื่น
พญ. สุทธาทิพย์ เวชวิทย์วรากุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นเลือด
ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพญาไท 2