ภาวะหมดไฟในการทำงานคืออะไร?
ทำไมช่วงนี้เรามักเห็นคำนี้ในโลกโซเชียลบ่อย ๆ แต่ถึงแม้จะยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง หลายคนก็ยังแอบเผลอยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว เอ๊ะ! แล้วคำที่มันช่างตรงกับชีวิตของตัวเราขนาดนี้ จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร? ถึงขั้นต้องรักษาเลยหรือไม่ แล้วภาวะนี้จะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างที่บางคนเข้าใจหรือเปล่า เรามีคำตอบจาก นพ.พิชญ์ พิเศษสิทธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ รพ.พญาไท 2 มาฝาก
Q: ภาวะหมดไฟในการทำงานคืออะไร ?
นพ.พิชญ์ : “Burnout Syndrome” หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน เกิดจากความเครียดสะสมเรื้อรังจากการทำงาน โดยที่ไม่ได้รับการแก้ไขที่เหมาะสม เป็นเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ อารมณ์ และอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายตามมาได้ เช่น ปวดศีรษะ มีปัญหาในการนอน เป็นต้น
Q: ลักษณะอาการของภาวะนี้มีอะไรบ้าง ?
นพ.พิชญ์ : มีหลายอาการเลยครับ สามารถแบ่งได้ดังนี้
-
- Exhaustion รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- Negativism มองโลกในแง่ลบ เบื่องาน ขาดแรงบันดาลใจในการทำงาน
- Professional Efficacy ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
Q: สาเหตุของภาวะหมดไฟในการทำงาน มีอะไรบ้าง ?
นพ.พิชญ์ : สำหรับภาวะหมดไฟในการทำงานมักเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน ดังนี้
ปัจจัยส่วนบุคคล
-
- เป็นคนที่จริงจังเกินไป ขาดความยืดหยุ่น ยึดติดในความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism)
- มีความคาดหวังสูง ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการ
- มีปัญหาภายในครอบครัว เช่น คู่สมรสมีความขัดแย้งจนถึงขั้นหย่าร้างกัน ทำให้เกิดความเครียดสะสม
- ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างนอกจากเรื่องงาน เช่น การดูแลพ่อแม่ที่เจ็บป่วย ชราภาพ การส่งเสียเลี้ยงดูบุตร การผ่อนชำระหนี้สินของครอบครัว
ปัจจัยจากงาน
-
- ทำงานที่ไม่ถนัด ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวโดยขาดที่ปรึกษา ทำให้เกิดความเครียดเรื้อรังตามมา
- มีปริมาณงานไม่สอดคล้องกับจำนวนบุคลากร เช่น มีงานที่ต้องรับผิดชอบมาก ในระยะเวลาที่จำกัด แต่มีบุคลากรน้อย รวมถึงขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ ในการทำงาน ทำให้เกิดภาวะเครียดสะสมขึ้น
- ไม่ได้รับการยอมรับ รู้สึกว่าถูกละเลย และได้รับค่าตอบแทนน้อย ไม่เหมาะสมกับภาระงานที่ตนเองรับผิดชอบ
- มีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้างาน ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานมีความตึงเครียด
- อยู่ในองค์กรที่ขาดความมั่นคง หรือมีระบบงานที่ขาดประสิทธิภาพ
Q: รู้สึกหมดไฟในการทำงาน ควรแก้ไขอย่างไร ?
นพ.พิชญ์ : การรักษานั้น เราคงต้องบอกว่าจะต้องย้อนกลับไปแก้ไขยังสาเหตุที่ทำให้คุณเกิดภาวะ Burnout ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละราย ร่วมกับการปรับพฤติกรรม ดังนี้
-
- เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องพื้นฐานแต่สำคัญ นั่นคือ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดทุกชนิด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที ประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์
- ปรับพฤติกรรมการนอน ไม่นอนดึกจนเกินไป ให้ความสำคัญทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพของการนอน
- เรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
- ยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน และสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
- ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมองหาแรงบันดาลใจ เช่น อ่านหนังสือที่ช่วยสร้างเสริมกำลังใจ
- จัดระเบียบการทำงานใหม่ ควรเรียงลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำก่อนหลัง และหากไม่จำเป็น พยายามอย่านำงานกลับมาทำต่อที่บ้าน ควรมีเวลาให้กับตนเองและครอบครัวช่วงหลังจากเลิกงานในแต่ละวัน
- ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้าง หากรู้สึกไม่ไหวหรือเหนื่อยเกินไป
- ฝึกคิดบวก รู้จักชมเชย เห็นคุณค่าในตัวเอง มองหาโอกาสในวิกฤต และหาข้อดีในสิ่งที่เราให้ความหมายว่าไม่ดี
- ลดความยึดมั่นถือมั่นและความคาดหวังในสิ่งต่างๆ ลง ควรใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความเป็นจริง
- หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำในยามว่าง เช่น การเล่นดนตรี การนั่งสมาธิ หรือปฏิบัติธรรม
- อาจขอลาพักร้อนออกไปท่องเที่ยว เพื่อให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด
ภาวะหมดไฟในการทำงาน ไม่ใช่โรคซึมเศร้า ดังนั้น หากอาการไม่รุนแรง สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีแนวโน้มเพิ่มความรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ
Q: การรักษาและปรับแก้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ?
นพ.พิชญ์ : ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะ Burnout ที่เป็น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความร่วมมือในการปรับพฤติกรรม พื้นฐานของจิตใจ รวมถึงกำลังใจจากครอบครัว และคนรอบข้างด้วย
เห็นไหมล่ะครับ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ และสิ่งสำคัญที่สุดของหลายๆ ปัญหา เพียงเราพยายามเริ่มต้นแก้ไขจากตัวเอง ก็จะทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปได้อย่างดี ขอเพียงเรามองทุกอย่างตามความเป็นจริงด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง เช่นเดียวกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ถ้าคุณยอมรับว่าตนเองกำลังรู้สึกเช่นนั้น และแก้ไขด้วยวิธีที่เหมาะสม คนที่มีความสุขที่สุดย่อมไม่ใช่ใครอื่น แต่คือตัวคุณเอง…ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับ