ปวดคอ บ่า ไหล่ ปัญหายอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ(ซินโดรม)

พญาไท 2

1 นาที

อ. 24/03/2020

แชร์


ปวดคอ บ่า ไหล่ ปัญหายอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ(ซินโดรม)

อาการปวดคอ เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อย โดยเฉพาะกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการปวดคอ บ่า ไหล่ นี้มักพบมากในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ซึ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการก็อาจจะเรื้อรัง และเพิ่มความรุนแรงจนกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานได้

 

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

  • กลุ่มอาการทั่วไป มักมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (คิดเป็นร้อยละ 80) เกิดจากกล้ามเนื้อมีความเมื่อยล้าจากการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
  • กลุ่มอาการกดทับของเส้นประสาท พบไม่บ่อยมาก แต่ลักษณะอาการรุนแรง มีอาการปวดรุนแรง ตึง ร้าวลงแขน หรือมีอาการชาร่วมด้วย
  • อาการกดทับของไขสันหลัง รุนแรงที่สุด แต่พบน้อยมาก (ร้อยละ 1-2%)

 

สาเหตุของอาการปวด แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามลักษณะอาการ

  • การปวดแบบเฉียบพลัน หรืออาการกล้ามเนื้อยอก เคล็ด อาการที่พบได้บ่อยๆ เช่น นอนตกหมอน ลักษณะของอาการคือกล้ามเนื้อมีการตึง เกร็ง หันคอได้ลำบาก เป็นต้น
  • ปวดแบบกึ่งเฉียบพลัน หรือกลุ่มเรื้อรัง เป็นกลุ่มคนไข้ที่มีประวัติของอาการปวดคอ ปวดกล้ามเนื้อมาก่อน ลักษณะของอาการเกิดขึ้นแบบเป็นๆ หายๆ เกิดขึ้นได้เมื่อมีการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักเป็นเวลานานๆ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ไม่เพียงพอ ทำให้กลับมาเป็นได้อีก พบมากในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ

 

แนวทางการรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือออฟฟิศซินโดรม

  • กลุ่มที่มีสัญญาณอันตรายร่วม หรือกลุ่มเฉียบพลัน เช่น มีลักษณะอาการกดทับเส้นประสาท มีประวัติอุบัติเหตุ มีโรคประจำตัว เช่น โรคมะเร็ง โรคกล้ามเนื้อกระดูกและข้อ และในกลุ่มเด็กหรือผู้สูงอายุ ซึ่งลักษณะอาการต่างจากคนทั่วไป ต้องให้แพทย์ทำจากตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุ และวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม
  • กลุ่มที่ไม่มีสัญญาณอันตรายร่วม แบ่งการรักษาเป็น 2 วิธี คือ
    • กลุ่มที่ปวดแบบเฉียบพลัน เช่นกล้ามเนื้อยอก กล้ามเนื้อเคล็ด รักษาโดยการให้พักผ่อนอย่างเหมาะสมร่วมด้วยกับการให้ยา และทำกายภาพบำบัด หรือรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม
    • การรักษาแบบประคับประคอง เป็นกลุ่มที่มีอาการปวดทั่วไป ไม่รุนแรง สามารถรักษาตามอาการ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นต้น แต่หากถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเรื้อรังที่นานเกินกว่า 6 สัปดาห์ แพทย์อาจมีการพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray กระดูกคอ เพื่อดูว่ามีอาการเสื่อม เคลื่อน หรือหมอนรองกระดูกยุบหรือไม่?
  • กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง หรือกลุ่มที่ทำการรักษาด้วยวิธีปกติไม่หาย ต้องมีการทำกายภาพเพื่อลดความเจ็บปวด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อเข้าร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกายตามโปรแกรมฝึก การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด อย่างการใช้เครื่องประคบร้อน เครื่อง shock wave การใช้ Laser หรือการออกกำลังกายแกนกลางลำตัว และที่สำคัญเมื่ออาการปวดหายแล้วต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดกลับมาเป็นซ้ำได้

 

ไม่อยากปวดคอ บ่า ไหล่ ป้องกันได้ด้วยวิธีนี้

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การปรับท่านอน การเดิน ท่านั่ง ให้เหมาะสม
  • ปรับเปลี่ยนความเหมาะสมของสถานที่ทำงาน เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้นั่งควรมีพนักพิงและที่วางแขน หรือ ลักษณะท่านั่งทำงาน
  • การออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ การยืดกล้ามเนื้อคอเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ และเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ ด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งหรือว่ายน้ำ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมให้อาการปวดเหล่านี้ไม่หาย อาจต้องมีการรักษาทางด้านอารมณ์ และจิตใจ ควบคู่ไปกันด้วยกับการรักษาทางร่างกาย


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

ปวดคอ ปวดหลัง อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม แต่เสี่ยง “หมอนรองกระดูกทับเส้น”

พญาไท 2

อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ จากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรมอย่างที่เราเข้าใจ แต่ยังเสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้อีกด้วย

6 ท่ายืดกล้ามเนื้อ...ทำได้ง่ายๆ หน้าโต๊ะทำงาน

พญาไท 2

มาออกกำลังกายในที่ทำงานเพื่อยืดกล้ามเนื้อ กับ 6 ท่าบริหารร่างกายแบบง่ายๆ กันดีกว่า เพราะถ้ามัวแต่นั่งทำงานนานหลายชั่วโมงแบบนี้ เดี๋ยวจะป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมเอาได้นะ

ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ปวดหลัง หรือลดน้ำหนัก ด้วย HUBER 360 evolution

พญาไท 2

Huber 360 นวัตกรรมใหม่ช่วยแก้ไขปัญหาความยืดหยุ่น การทรงตัว ความทนทาน ให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือการออกกำลังกายอย่างเป็นปกติ

กายภาพบำบัด..ฟื้นฟูการบาดเจ็บ สำคัญกว่าที่คิด!

พญาไท 2

นักกายภาพออกมาบอกแล้วว่า..การกายภาพบำบัดฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ช่วยป้องกันการเกิดพังผืด ลดโอกาสการบาดซ้ำในอนาคตได้