ไซนัส คือโพรงอากาศบริเวณกระดูกใบหน้า ซึ่งมีอยู่ 4 คู่ นั่นคือ คู่ที่ 1 อยู่ในกระดูกโหนกแก้ม คู่ที่ 2 อยู่ระหว่างเบ้าตาและด้านข้างของจมูก คู่ที่ 3 อยู่ในกระโหลกส่วนหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสอง และคู่ที่ 4 อยู่ในกระดูกฐานสมอง โดยภายในโพรงไซนัสแต่ละจุดจะมีเยื่อบุไซนัสทำหน้าที่ผลิตเมือกสำหรับดักจับฝุ่นและเชื้อโรค
ทำไมไซนัสจึงอักเสบ?
ไซนัสอักเสบ หรือ Sinusitis เป็นภาวะที่เยื่อบุบริเวณโพรงอากาศข้างจมูกเกิดการอักเสบ บวม เพราะมีการติดเชื้อ จึงทำให้เกิดอาการคัดจมูก ปวดจมูก มีน้ำมูกเหนียวข้น ปวดตา โหนกแก้ม หน้าผาก หรือปวดฟัน พร้อมมีอาการไอ ถ้าสังเกตดีๆ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นด้วย
เชื้อไวรัสและแบคทีเรียคือตัวการ
ไซนัสอักเสบส่วนใหญ่หรือราว 90% เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาโรคที่รุนแรงขึ้นจะหายเองได้ภายใน 10 วัน หลังจากกินยารรักษาตามอาการ
ส่วนไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียพบได้ราว 5-10% จะต้องรักษาด้วยการใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะอาการจะไม่หายเองได้เหมือนการติดเชื้อไวรัส และมักเป็นรุนแรงขึ้นในวันที่ 5 ของการอักเสบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษาและกินยาต่อเนื่องเกินกว่า 10 วันขึ้นไป
ปัจจัยที่ทำให้เป็นไซนัสอักเสบบ่อยหรือเรื้อรัง?
สาเหตุที่ทำให้คนไข้เป็นซ้ำๆ บ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง มักเกิดจาก
- การที่คนไข้เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศและหอบหืด
- การมีเนื้องอกในจมูก การมีผนังกั้นช่องจมูกคด
- การมีภูมิคุ้มกันต่ำ
- การสูบบุหรี่ หรือการอยู่ในที่ที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่น ควัน หรือสารเคมี
ตรวจให้ชัดว่าเป็นไซนัสอักเสบหรือไม่?
เพราะอาการของไซนัสอักเสบจะคล้ายๆ กับอาการของคนเป็นไข้หวัด นอกจากการมีน้ำมูกอุดตันจนหายใจลำบาก มีมูกข้นในลำคอหรือไหลลงสู่ลำคอแล้ว ถ้าเป็นไซนัสอักเสบก็จะมีอาการปวดตามจุดต่างๆ ที่เป็นตำแหน่งของไซนัส ถ้ารู้สึกว่าอาการที่เป็นมากกว่าการเป็นไข้หวัดธรรมดา เช่น ปวดศีรษะมาก มีไข้สูง มองเห็นภาพซ้อน ปวดบวมบริเวณดวงตา จมูก หน้าผาก แก้ม กินยาแก้ไข้หวัดแล้วไม่หาย หรือเป็นนานเกินกว่า 10 วัน โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติป่วยด้วยไซนัสอักเสบมาก่อนควรรีบไปพบแพทย์
แพทย์จะวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบอย่างไร?
เมื่อคนไข้มาพบแพทย์ ก็จะมีการซักถามประวัติและอาการที่เป็นอยู่ร่วมกับการตรวจร่างกาย เพื่อดูว่าเยื่อบุโพรงจมูกมีการอักเสบบวมแดงหรือมีหนองหรือไม่ ตรวจดูมูกหนองในลำคอ และกดที่ใบหน้าตามจุดต่างๆ เพื่อตรวจหาตำแหน่งอักเสบของไซนัส
นอกจากนี้แพทย์อาจจะใช้วิธีการที่เรียกว่า Nasal Endoscopy ซึ่งเป็นการส่องกล้อง Endoscope โดยแพทย์จะสอดหลอดแก้วนำแสงเข้าทางจมูกเพื่อตรวจดูว่ามีการอักเสบหรือมีหนองที่ไซนัสหรือไม่
ทั้งนี้การตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษต่างๆ จะทำให้ชี้ชัดได้ว่าเป็นไซนัสอักเสบหรือไม่ได้เช่นกัน การตรวจที่ว่านี้จะประกอบด้วยการทำ ซีทีสแกน (Computed Tomography Scan / CT Scan) และการทำเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging / MRI) เพื่อสร้างให้เห็นภาพอวัยวะภายใน โดยแพทย์จะวินิจฉัยจากภาพที่ได้ ว่ามีสารเหลวอยู่ในบริเวณไซนัสหรือไม่ และอยู่บริเวณใดของไซนัสบ้าง
การรักษาไซนัสอักเสบ
โดยทั่วไป การดูแลตนเองในเบื้องต้น คือรักษาตามอาการ เช่น กินยาลดไข้บรรเทาปวด ยาลดน้ำมูกและแก้คัดจมูก และใช้น้ำเกลือล้างจมูกแล้ว ก็จะทำให้อาการไซนัสเฉียบพลันทุเลาลงและหายดีภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่หากดูแลตัวเองผ่านไปสัก 1 สัปดาห์แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้นหรือเป็นหนักขึ้น ก็ควรพบแพทย์จะดีกว่า ซึ่งแพทย์จะมีวิธีการรักษาดังนี้
การรักษาไซนัสอักเสบด้วยการใช้ยา
แพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์แบบพ่นเพื่อลดอาการอักเสบ ลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก หรือใช้สเตียรอยด์แบบหยดผสมในน้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูก ในคนไข้ที่มีอาการรุนแรงแพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทาน ซึ่งยาสเตียรอยด์ทุกชนิดจะต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ยังต้องรักษาอาการอื่นๆ ด้วย เช่น การให้ยากินหรือยาพ่นเพื่อลดอาการคัดจมูก ส่วนยาปฏิชีวนะจะใช้ในกรณีที่ไซนัสอักเสบจากแบคทีเรียเท่านั้น
การรักษาไซนัสอักเสบด้วยการผ่าตัด
หากการรักษาด้วยการใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์จะพิจารณาแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดรักษาแบบ Functional Endoscopic Sinus Surgery (FESS) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือพิเศษทำการผ่าตัดผ่านกล้องเอ็นโดสโคป โดยคนไข้จะได้รับยาชาหรือยาสลบขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
ในปัจจุบัน มีวิธีการผ่าตัดแบบผ่านกล้อง ที่เรียกว่า Innovative Full House FESS ซึ่งแพทย์จะทำการผ่าตัดโพรงไซนัสให้เปิดกว้างเพื่อเชื่อมโยงโพรงไซนัสทั้ง 4 คู่เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถดูดเอามูกเหนียวและหนองที่ขังอยู่ภายในไซนัสออกมาได้ทั้งหมด เป็นการช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นได้โดยตรง เพิ่มการไหลเวียนของอากาศในไซนัส และทำให้การพ่นยารักษาไซนัสทำได้ทั่วถึงกว่าการผ่าตัดแบบเก่า และการผ่าตัดแบบ Full House FESS นี้จะใช้การส่องกล้อง Endoscope ที่มีความละเอียดสูงจึงช่วยลดการบาดเจ็บ ไม่ทำให้เยื่อจมูกเป็นแผล มีการใช้ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์นำทางระหว่างการผ่าตัด ทำให้รักษาได้ตรงจุด ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ดีขึ้น หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะไม่ต้องทรมานกับการใส่วัสดุห้ามเลือด หรือทนเจ็บเวลาเอาวัสดุห้ามเลือดออกจากจมูกเหมือนการผ่าตัดแบบเก่า
โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่มักกลับมาเป็นซ้ำได้เรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ดังนั้น… หากคนไข้เคยรักษาด้วยวิธีต่างๆ มาแล้วแต่ยังเป็นซ้ำ อาจพิจารณาเข้ารับการผ่าตัดด้วยวิธี Full House FESS ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมการผ่าตัดที่ช่วยลดโอกาสเป็นซ้ำ อีกทั้งยังมีโอกาสหายขาดได้มากขึ้น