เมื่อคนไข้มีอาการไซนัสอักเสบ จะต้องทรมานกับการคัดจมูก ปวดหัว ปวดกระบอกตา หูอื้อ หรือปวดฟัน หากคนไข้จำทนหรือไม่ยอมเข้ารับการรักษา เมื่ออาการลุกลามก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายร้ายแรงได้
โดยปกติแล้ว โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่ต้องใช้เวลาในการรักษา ผู้ป่วยต้องกินยาให้ครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง และไม่ควรหยุดยาด้วยตนเอง การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการดูแลสุขภาพโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงจะช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
ปฏิบัติตัวอย่างไร ให้ไกลจากไซนัสอักเสบ?
สิ่งที่ควรทำ
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง และพักผ่อนให้เพียงพอ
- สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นเมื่อต้องอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น เช่น ห้องปรับอากาศ (ห้องแอร์)
- ดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก เหงือก ลิ้น ฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะเชื้อโรคภายในปากสามารถเดินทางเข้าสู่โพรงไซนัสได้
- เมื่อเป็นไข้หวัดควรรีบรักษาให้หาย อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง
- ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยให้ปราศจากฝุ่น และขนของสัตว์เลี้ยง
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- หลีกเลี่ยงการอดนอน และการสัมผัสผู้ที่กำลังป่วยเป็นไข้หวัด
- หลีกเลี่ยงการสูดอากาศที่มีมลพิษ ควรสวมผ้าปิดปากและจมูกให้มิดชิด หากจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่อากาศไม่สะอาดหรือมีฝุ่นละอองมาก เช่น ที่จอดรถใต้ดิน ในบ้านหรือวัดที่มีควันธูป ควันยากันยุง เพราะควันมีผลทำให้เนื้อเยื่อจมูกบวมมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องปรับอากาศที่ไม่สะอาด หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นและแห้งเป็นเวลานาน รวมถึงการเปลี่ยนอุณหภูมิแบบฉับพลัน เช่น เดินจากที่อากาศร้อนๆ เข้าสู่ห้องปรับอากาศที่เย็นจัด
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อจมูกและไซนัสระคายเคืองได้มากกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำในสวนน้ำ การโดนละอองฝน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เยื่อจมูกบวมได้