โรคนิวโมคอคคัส (pneumococcal disease) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย เกิดจากแบคทีเรียชื่อว่า สเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) เชื้อตัวนี้สามารถพบได้ในระบบทางเดินหายใจส่วนบนของคนตามช่องโพรงจมูกและลำคอ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบและโรคไอพีดีได้
โรคนิวโมคอคคัส…สามารถติดต่อกันผ่านทางใดได้บ้าง?
ผู้ที่มีเชื้ออยู่แต่ไม่มีอาการใดๆ จะเรียกว่า “เป็นพาหะของโรค” และสามารถแพร่เชื้อนี้สู่ผู้อื่นได้เหมือนกับการแพร่เชื้อหวัด คือ ผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ การไอ จาม ซึ่งผู้ที่ได้รับเชื้อไป อาจไม่มีอาการเช่นเดียวกัน หรือเกิดโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสได้
รู้ไหม? เชื้อแบคทีเรียนี้ คือ สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ
ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้อีก ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ และการติดเชื้อแบบลุกลาม หรือ ไอพีดี (IPD, Invasive Pneumococcal Disease) ซึ่งหมายถึงภาวะที่เชื้อสามารถลุกลามผ่านเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ เข้าไปในกระแสเลือดหรืออวัยวะที่ปราศจากการปนเปื้อนใดๆ จากภายนอกร่างกาย และทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น เช่น การเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด
ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อลักษณะนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล และหากมีอาการรุนแรงมากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเกิดขึ้นในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
วัคซีนป้องกันโรคนิวโมคอคคัส
ในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่
-
- วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (PCV13) ซึ่งครอบคลุมเชื้อนิวโมคอคคัส 13 สายพันธุ์
- วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (PPSV23) ซึ่งครอบคลุมเชื้อนิวโมคอคคัส 23 สายพันธุ์
ซึ่งวัคซีนทั้งสองชนิดนี้สามารถครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อที่ก่อโรคนิวโมคอคคัสรุนแรงในประเทศไทยได้ประมาณร้อยละ 68-78 จากเชื้อก่อโรคทั้งหมดประมาณ 90 สายพันธุ์ โดย
-
- วัคซีนนิวโมคอคคัส 13 สายพันธุ์ ( PVC13 ) แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข้ากล้าม 1 เข็ม แก่ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี หรือ ผู้ใหญ่ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังนี้
-
-
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับแข็งเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือยาสเตียรอยด์ขนาดสูง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก
- ผู้ป่วยที่ได้รับการตัดม้าม
- ผู้ที่มีภาวะน้ำในช่องไขสันหลังรั่วซึม ( cerebrospinal leakage )
-
โดยยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
- วัคซีนนิวโมคอคคัส23 สายพันธุ์ ( PPSV23 ) แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข้ากล้าม 1 เข็ม แก่ผู้ใหญ่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงและผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี หรือ ผู้ที่มีโรคปประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับแข็งเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน และผู้ที่อายุน้อยกว่า 65 ปี ควรได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัส23 สายพันธุ์ 1 เข็ม และควรฉีดกระตุ้นทุก 5 ปีจนถึงอายุ 65 ปี
ผู้ที่ “ควร” ได้รับวัคซีนป้องกันโรคนิวโมคอคคัส
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับแข็งเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือยาสเตียรอยด์ขนาดสูง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก
- ผู้ป่วยที่ได้รับการตัดม้าม
- ผู้ที่มีภาวะน้ำในช่องไขสันหลังรั่วซึม (cerebrospinal leakage)
- ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดหูชั้นใน (cochlear implant)
ผู้ที่ “ควรงด” รับวัคซีนป้องกันโรคนิวโมคอคคัส
- ผู้ที่เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนิวโมคอคคัสชนิดใดชนิดหนึ่งในครั้งก่อน หรือเคยแพ้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ (diphtheria toxoid)
- หากมีไข้ เจ็บป่วยเฉียบพลันควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน รอให้หายป่วยก่อนจึงค่อยมารับวัคซีน
- กรณีเป็นหวัดเล็กน้อย มีไข้สามารถรับวัคซีนได้
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน
- พบได้ร้อยละ 30 เป็นอาการเฉพาะที่ เช่น เจ็บ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดวัคซีน บางรายอาจมีอาการยกแขนไม่ขึ้น ให้ดูแลโดยการประคบเย็น บางรายอาจมีไข้ ปวดศีรษะ สามารถรับประทานยาลดไข้ได้ ปฏิกิริยาอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมได้ เช่น อาการง่วงซึม เบื่ออาหารเล็กน้อย อ่อนเพลีย ร้อนวูบวาบ ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่รุนแรง สามารถหายเองได้ใน 2-7 วัน
- หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรพบแพทย์
หมายเหตุ :
- ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับการให้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร
- หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์