ชัวร์หรือว่าแค่เป็นหวัด ไม่ใช่ “ไซนัสอักเสบ”

พญาไท 3

2 นาที

อ. 24/03/2020

แชร์



ชัวร์หรือว่าแค่เป็นหวัด ไม่ใช่ “ไซนัสอักเสบ”

คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ ใครก็ตามที่มีอาการประมาณนี้ก็มักคิดไปว่า “เป็นหวัดแน่ๆ” ตามด้วยการไปซื้อยามาทานเอง แล้วก็อาจพบว่า อาการไม่หายไป และไม่ดีขึ้นสักเท่าไร เพราะบางทีอาการที่ว่ามานี้ก็ไม่ใช่เกิดจากการเป็นไข้หวัดเสมอไป แต่อาจเป็น “ไซนัสอักแสบ” ที่รุนแรงกว่า และหากปล่อยให้เป็นเรื้อรังนานๆ อาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว เพื่อให้เรารู้จักวิธีสังเกตอาการได้แม่นยำขึ้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่า ไซนัสอักเสบ ต่างจากไข้หวัดธรรมดาๆ อย่างไร?

 

ทำความรู้จักไซนัส จะได้รู้ชัดว่าเราป่วยเป็นอะไรกันแน่?

“ไซนัส” แท้จริงแล้วคืออวัยวะหนึ่งในร่างกายคนเรา โดยเป็น “โพรงอากาศในกระดูกใบหน้ารอบโพรงจมูก” ของเรานั่นเอง ซึ่งมีด้วยกัน 4 ชิ้น ได้แก่ Maxillary Sinus หรือไซนัสที่แก้ม Ethmoid Sinus หรือ ไซนัสที่หัวตา Frontal Sinus หรือไซนัสที่หน้าผาก และ Sphenoid Sinus หรือไซนัสที่ฐานสมองส่วนหลัง ดังนั้น โรคไซนัสอักเสบ ไซนัสติดเชื้อ ที่เรียกกันสั้นๆว่า “ไซนัส” นั้น จึงหมายถึงการที่ โพรงอากาศในกระดูกใบหน้ารอบโพรงจมูกติดเชื้อนั่นเอง ซึ่งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับไซนัสทั้ง 4 ตำแหน่ง

 

ไซนัสแตกต่างจากหวัดตรงไหน สังเกตอาการยังไงให้รู้?

ทั้งไซนัสอักเสบและไข้หวัด เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้เหมือนกัน แต่ไข้หวัดนั้น จะเป็นการติดเชื้อที่ “เยื่อบุโพรงจมูก” ส่วนไซนัสคือตัวเชื้อจะลุกลามมากไปกว่านั้น เป็นการติดเชื้อที่ “โพรงอากาศรอบกระดูกใบหน้าหรือว่าโพรงไซนัส” นั่นเอง อยากรู้ว่าเป็นไซนัสอักเสบ สังเกตได้จากอาการเหล่านี้

  • มีภาวะคัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้
  • น้ำมูกเปลี่ยนสี เป็นสีเขียวหรือเหลือง ไม่ใช่น้ำมูกใส
  • มีภาวะหายใจได้กลิ่นลดลง และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย
  • หายใจแล้วมีเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกเยอะๆ
  • ในบางรายอาจมีอาการไอ และเจ็บคอ

 

แต่ดูๆ แล้วอาการของโรคไซนัสอักเสบในภาพรวมก็มีความคล้ายกันมากกับอาการของไข้หวัด แล้วจะสังเกตอย่างไรดี ถึงจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นไซนัส ไม่ได้เป็นหวัด คำตอบก็คือ ถ้าหากมีอาการตามที่กล่าวมาร่วมกัน 3 อาการขึ้นไป และเป็นติดต่อกัน 3 วันแล้วไม่หาย หรือพบว่ามีอาการแย่ลง เช่น น้ำมูกข้นมากขึ้น คัดจมูกเพิ่มขึ้น ภายใน 5-7 วัน หรือ ถ้ารู้สึกว่าเป็นหวัดต่อเนื่องกัน 10 วันแล้วยังไม่หายล่ะก็ สามารถสันนิษฐานได้เลยว่า เราเป็นไซนัสอักเสบติดเชื้อ ไม่ได้เป็นหวัดธรรมดา และควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

 

ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรตระหนักไว้ก็คือ ไข้หวัดสามารถพัฒนากลายมาเป็นไซนัสได้ ถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธี โดยเชื้อจะลุกลามจากโพรงจมูก เข้ามาที่โพรงไซนัส ทำให้เราป่วยเป็นไซนัสอักเสบในที่สุด จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ถึงแม้เป็นหวัดก็ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ ให้แพทย์ตรวจให้ละเอียดและจ่ายยารักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคจะได้ไม่ลุกลามจนเป็นอันตรายมากขึ้น

 

รักษาอย่างไร เมื่อป่วยเป็นไซนัสอักเสบ?

การรักษาไซนัสอักเสบ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แต่โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อเป็นเวลา 7 วัน ร่วมกับการให้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ แต่ในกรณีที่คนไข้มีประวัติเป็นภูมิแพ้ด้วย แพทย์ก็จะพิจารณาให้ใช้ยาสเปรย์พ่นชนิดสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดการอักเสบลดบวมได้อย่างรวดเร็วควบคู่กันไปกับการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งแพทย์จะสอนให้คนไข้ล้างให้เป็นและกลับไปล้างเองที่บ้านได้ต่อไป

 

ขั้นตอนในการล้างจมูกที่ถูกวิธี

  • ก้มหน้าประมาณ 45 องศา หน้าอ่างล้างหน้า
  • นำขวดน้ำเกลือใส่เข้าไปในจมูกตรงๆ
  • กลั้นหายใจ แล้วบีบขวดน้ำเกลือ ให้น้ำเกลือไหลไปตามจมูก
  • ถ้าหากล้างได้อย่างถูกต้อง น้ำเกลือจะไหลมายังจมูกอีกข้างหนึ่ง หรือไหลออกทางปากพร้อมกับน้ำมูก
  • ใน 1 วันควรล้างประมาณ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยปริมาณน้ำเกลือต่อครั้งจะขึ้นอยู่กับน้ำมูกที่ค้างอยู่

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไข้ที่อาการหนักมากๆ และทำการรักษาด้วยวิธีให้ยาเต็มที่แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขการอุดตันของรูระบายไซนัส ให้กลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งก็จะทำให้หายขาดได้ แต่ไซนัสอักเสบเองก็เหมือนกับไข้หวัด คือสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ถ้าหากดูแลตัวเองไม่ดีพอ

 

ไซนัสอักเสบ อันตรายแค่ไหน ทำให้ตาบอดได้จริงหรือ?

ไซนัสอักเสบ ถือว่าเป็นโรคที่มีความอันตรายและรุนแรงมากในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากเราปล่อยทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานาน ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ Ethmoid Sinus หรือ ไซนัสที่หัวตา ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่รุนแรงมากกว่าทุกตำแหน่ง เพราะอาจลุกลามไปที่ดวงตา จนทำให้คนไข้ตาอักเสบ หนังตาบวม ติดเชื้อในดวงตา จนกระทั่งตาบอดได้ในที่สุด ดังนั้น เมื่อสังเกตพบเห็นอาการผิดปกติคล้ายหวัด แต่เป็นนานไม่หายภายใน 3 วัน ก็ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย

 

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจากไซนัสอักเสบ?

สำหรับวิธีการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคไซนัส ก็จะเป็นแนวทางเดียวกันกับการป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ คือ สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องเดินทางไปยังในที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางการหายใจได้ง่ายๆ อาทิ รถไฟฟ้า โรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็ควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เวลาไอ จาม ให้ปิดปาก รับประทานอาหารด้วยการใช้ช้อนกลาง และเวลามีสมาชิกในบ้านคนใดคนหนึ่งเป็นหวัดควรให้นอนแยกห้อง เพราะหากนอนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศร่วมกันจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้ง่ายมากขึ้น ในกรณีมีเด็กเล็กในบ้านป่วยเป็นหวัด และไม่สะดวกใส่หน้ากากอนามัย คนอื่นๆ ในบ้านก็สามารถใส่แทนได้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ โดยหากเป็นหวัดหลายวันไม่หาย สงสัยว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบควรรีบไปพบแพทย์ดีกว่า

 

ไซนัสอักเสบคล้ายเป็นหวัด แต่อาการจะรุนแรงกว่า

ไซนัสอักเสบนั้นเป็นโรคที่คล้ายหวัด แต่รุนแรงกว่าหวัดมาก และเป็นโรคที่สามารถพัฒนาจากหวัดธรรมดาๆ ได้ด้วย หากได้รับการรักษาดูแลที่ไม่ถูกวิธี ทั้งยังเป็นโรคที่สามารถติดต่อถึงกันได้อีก ดังนั้นหากพบเห็นสังเกตอาการตัวเอง หรือคนใกล้ชิด มีความผิดปกติที่คล้ายกับจะเป็นหวัด แต่ไม่หายสักทีล่ะก็ อย่านิ่งนอนใจปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าเกิดว่าเป็นไซนัสขึ้นมาเมื่อไร จะไม่มีทางหายได้เอง และมีแต่จะยิ่งทำให้เจ็บป่วยรุนแรงเข้าไปอีก จนอาจทำให้คนใกล้ชิดที่เรารักเสี่ยงอันตรายป่วยกายป่วยใจตามไปด้วย


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...