“เจาะคอ” หัตถการพลิกวิกฤต เพื่อช่วยชีวิตคนไข้

พญาไท 3

1 นาที

อ. 24/03/2020

แชร์



“เจาะคอ” หัตถการพลิกวิกฤต เพื่อช่วยชีวิตคนไข้

บ่อยครั้งที่เราเห็นข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่องญาติผู้ป่วยไม่พอใจที่แพทย์ทำการเจาะคอคนไข้ เพราะมีความรู้สึกว่า เป็นวิธีการที่อันตรายและน่าจะทำให้คนที่พวกเขารักตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงหนักกว่าเดิม แต่ในความจริงแล้ว “การเจาะคอ” ถือเป็นหนึ่งในหัตถการสำคัญที่ทำเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ให้มีโอกาสรอดชีวิต ให้มีโอกาสปลอดภัยและฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเป็นปกติที่สุดต่างหาก ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนเข้าใจหัตถการที่ดูน่ากลัวนี้มากขึ้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับการเจาะคอกันว่าสำคัญกับคนไข้มากน้อยแค่ไหน

 

“เจาะคอ” คืออะไร ทำไมถึงจำเป็นต้องเจาะคอ ?

การเจาะคอ คือ การเปิดท่อทางเดินหายใจส่วนต้น ในคนไข้ที่มีภาวะทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้น จนไม่สามารถใช้จมูกหรือปากในการหายใจได้ แพทย์จึงต้องทำการย้ายตำแหน่งของการหายใจมาเป็นบริเวณหลอดลม ตรงส่วนที่อยู่ใต้กล่องเสียงแทน ซึ่งการเจาะคอจะช่วยทำให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น เป็นหัตถการที่เอื้อให้สามารถเคลียร์เสมหะคนไข้ได้สะดวก และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดพังพืดที่กล่องเสียงได้มากกว่าการใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

กรณีแบบไหนถึงต้องรักษาด้วยการเจาะคอ?

การเจาะคอ จะทำในคนไข้ที่พบว่า ถูกก้อน หรือ ภาวะบางอย่างอุดกั้นทางเดินหายใจเอาไว้ จนคนไข้ไม่สามารถหายใจได้เอง ไม่ว่าจะเป็นแบบเฉียบพลันหรือว่าเรื้อรัง เช่น การมีเนื้องอก การกลืนบางอย่างติดคอ เป็นต้น รวมถึงจะพิจารณาทำในกรณีที่กล่องเสียงของคนไข้ไม่สามารถใช้งานได้ เช่น พบว่ามีเส้นเสียงเป็นอัมพาตทั้ง 2 ข้าง มีการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนทำให้กล่องเสียงเกิดอาการบวม หรือเกิดอุบัติเหตุจนกล่องเสียงมีการห้อเลือด แตกหัก ส่งผลให้ไม่สามารถเปิดทางเดินหายใจได้จนคนไข้หายใจเองไม่ได้ จึงต้องทำการเจาะคอเพื่อที่จะช่วยให้คนไข้หายใจได้สะดวก

 

นอกจากนั้นแล้ว การเจาะคอก็มักทำในคนไข้ติดเตียง ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนานๆ เกินกว่า 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะการใส่ท่อช่วยหายใจนานเกินไป จะส่งผลทำให้เกิดภาวะพังพืดที่กล่องเสียง หรือ พังพืดใต้เส้นเสียง ทำให้คนไข้หายใจได้ลำบากหลังจากรักษาตัวหายแล้ว เนื่องจากพังพืดไปอุดกั้น ทำให้หายใจไม่สะดวกนั่นเอง

 

“การเจาะคอ” ดีกว่า “การใส่ท่อช่วยหายใจ” อย่างไร ?

โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะพิจารณาเจาะคอในกรณีที่ฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่คนไข้ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป แพทย์จะพิจารณาทำการเจาะคอเพื่อลดความเสี่ยง โดยการเจาะคอจะส่งผลดีต่อคนไข้หลายประการ อาทิ

  • การเจาะคอทำให้สามารถเคลียร์เสมหะได้ดีกว่าการใส่ท่อช่วยหายใจ ช่วยลดการติดเชื้อได้มากกว่า
  • การเจาะคอช่วยลดการเกิดภาวะพังพืดใต้เส้นเสียง ทำให้เมื่อคนไข้หายดีจะสามารถกลับมาหายใจได้เต็มที่มากกว่า
  • การเจาะคอสร้างความกระทบกระเทือนต่ออวัยวะต่างๆ น้อยกว่าการใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก เพราะระยะทางในการใส่ท่อช่วยหายใจสั้นลง ไม่ต้องผ่านอวัยวะในช่องปาก ลำคอ และกล่องเสียง
  • การเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจจะดูแลได้ง่ายกว่า และลดความเสี่ยงจากการเลื่อนหลุดได้มากกว่า เนื่องจากจะมีการสวมสายรัดกับคอไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ท่อหลุด ไม่ว่าคนไข้ขยับไปไหน ท่อก็จะติดไปกับคอคนไข้ด้วย ในกลับกันถ้าเป็นการใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก จะต้องเอาเทปหรือเชือกผูกเอาไว้ ซึ่งหลุดได้ง่ายกว่า เกิดอันตรายได้ง่ายกว่า

 

การเจาะคอคือการช่วยชีวิต…ทั้งแบบเตรียมการและกรณีฉุกเฉิน

การเจาะคอเป็นหัตถการที่ต้องทำในห้องผ่าตัด ต้องมีการดมยาสลบ และต้องลงมีดจนมีแผลเกิดขึ้น ดังนั้น ญาติจึงจำเป็นต้องรับรู้ และให้ความยินยอม หรือในกรณีที่คนไข้รู้สติก็ต้องได้รับความยินยอมจากคนไข้ก่อนจึงจะสามารถเจาะได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เช่นกัน คือในกรณีฉุกเฉินมากๆ เช่น การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่สามารถใส่ท่อช่วยหายใจทางปากได้ หรือในกรณีคนไข้เป็นมะเร็งเนื้องอกที่กล่องเสียง รวมถึงอาการเจ็บป่วยทุกกรณีที่ทำให้คนไข้ไม่สามารถหายใจเองได้ และไม่สามารถใส่ท่อช่วยหายใจทางปากได้

 

ทั้งหมดจำเป็นต้องทำการเจาะคอ เพื่อช่วยชีวิตคนไข้ และเพื่อให้การรักษาสามารถดำเนินต่อไปได้ทั้งสิ้น นั่นหมายความว่า กว่าที่แพทย์จะพิจารณาเจาะคอคนไข้แต่ละรายนั้น ได้ผ่านกระบวนการไตร่ตรองความจำเป็น และลำดับความสำคัญมาอย่างดีแล้ว ว่าจำเป็นจะต้องเจาะคอคนไข้ มิเช่นนั้นแล้วอาจเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

อันตรายหรือเสี่ยงอะไรไหม? เมื่อคนไข้ได้รับการเจาะคอ

เนื่องจากการเจาะคอถือเป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่ง จึงแน่นอนว่าอาจมีความเสี่ยงอื่นๆ เกิดขึ้นได้ โดยมีโอกาสเกิดภาวะเลือดออก เนื่องจากบริเวณคอที่จะต้องทำการเจาะนั้นอยู่ตรงหลอดลมใต้กล่องเสียง ที่มีลักษณะเป็นวงแหวนกระดูกอ่อนในตำแหน่งวงแหวนที่ 2 และ 3 ซึ่งในตำแหน่งดังกล่าวจะมีต่อมไทรอยด์ 2 ข้างและมีหลอดเลือดแดงใหญ่บังอยู่ แพทย์ที่จะทำการเจาะคอจึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความระมัดระวังอย่างมากในการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน

 

ดูแลอย่างไร? หลังจากคนไข้ได้รับการเจาะคอแล้ว

โดยปกติแล้วในช่วง 7 วันแรกหลังจากการเจาะคอ แพทย์จะทำการเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด คอยตรวจสอบให้แผลทุกอย่างหายดี เนื่องจาก 7 วันหลังการเจาะคอ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการที่ “ท่อจะหลุดได้ง่าย” และต้องมีการดูแลความสะอาด คอยดูดเสมหะเพื่อป้องกันเลือดที่มาจากแผลตกค้างอยู่ในท่อด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตอาการเรียบร้อยแล้ว คนไข้เจาะคอจะสามารถกลับบ้านได้ ทั้งนี้ โดยทั่วไปการเจาะคอจะทำเพื่อ “คนไข้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการดำรงชีวิตที่บ้าน” ด้วย เพราะการเจาะคอจะทำให้สามารถดูแลได้ง่ายกว่า และลดความเสี่ยงจากการเลื่อนหลุดได้มากกว่านั่นเอง

 

การเจาะคอแม้จะดูเป็นหัตถการที่น่ากลัว จนญาติพี่น้องหรือคนใกล้ชิดคนไข้อาจรู้สึกไม่สบายใจและเป็นกังวล แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถือเป็น “ขั้นตอนสำคัญในการช่วยชีวิตคนไข้” ที่จะทำให้คนไข้สามารถหายใจได้ ทั้งยังเป็นหัตถการที่ปลอดภัย และลดความเสี่ยง ลดผลกระทบไม่ดีต่อร่างกายได้มากกว่าในคนไข้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานานๆ ดังนั้น จึงมั่นใจได้เลยว่า เมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่าคนไข้จำเป็นต้องเจาะคอ นั่นหมายความว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับการช่วยชีวิต เพื่อให้คนที่เรารักมีโอกาสหายดีกลับมามีชีวิตที่มีความสุขกับเราได้อีกครั้ง


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...