เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยดูไม่อ่อนเยาว์เหมือนก่อนมักเป็นสิ่งรบกวนจิตใจใครหลายคน โชคดีว่า ในปัจจุบันปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยนั้นมีทางแก้ไขได้ ด้วยศาสตร์ในทางการแพทย์ที่สามารถทำการยกกระชับใบหน้าด้วย “การร้อยไหม” ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่มีการผ่าตัด ใช้เวลาในการทำไม่นาน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในทันที
การร้อยไหมคืออะไร?
การร้อยไหมเป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อย หรือผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เข้ารูปมากขึ้น โดยการใส่เส้นไหมบริเวณใบหน้าเพื่อยึดพยุงตัวโครงสร้างของใบหน้าเอาไว้ ที่สำคัญการทำนั้นไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาไม่นาน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งการร้อยไหมนอกจากช่วยให้ใบหน้ากระชับแล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ริ้วรอยลดลง ผิวพรรณสดใสขึ้น และกระชับรูขุมขนได้อีกด้วย
ไหมที่ใช้คือไหมอะไร?
ไหมที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เลือกนำเข้ามาใช้ คือ ไหมอิตาลี แบรนด์ Definisse ซึ่งเป็นไหมที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย ละลายได้ไม่ตกค้าง คุณสมบัติของไหมชนิดนี้ต่างจากไหมชนิดอื่น ทั้งในด้านความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของเส้นไหม เป็นไหมที่ออกแบบพิเศษคือ เป็น PCL และ PLLA ผสมกัน ซึ่ง PCL จะมีความยืดหยุ่นดีไม่เปราะหักง่าย มีความแข็งแรงในการยกน้ำหนักใบหน้าได้เยอะ ส่วน PLLA มีข้อดีในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี เมื่อนำสองสิ่งนี้มารวมกันในอัตราส่วนเฉพาะ ทำให้คุณสมบัติของไหมดีทั้งเรื่องระยะเวลาที่นาน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น
ใครที่เหมาะกับการร้อยไหม?
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหารูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
ก่อนและหลังร้อยไหม ควรเตรียมตัวอย่างไร?
ก่อนการร้อยไหม
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด
- งดทานวิตามินและอาหารเสริมก่อนทำการร้อยไหม 1 สัปดาห์ เพราะอาจจะมีผลให้เลือดออกง่ายและเกิดการฟกช้ำง่ายหลังทำง่ายขึ้น
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
หลังการร้อยไหม
- ไม่ควรแต่งหน้าหลังทำ 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ไม่ควรทำหัตถการต่างๆ บนใบหน้า 2 สัปดาห์
- ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ เพราะมีผลต่อเรื่องเลือดออกและการฟกช้ำ
- ไม่ควรอ้าปากกว้าง หรือเคี้ยวของที่เหนียวและแข็งมากเกินไป เพราะจะทำให้กระทบกระเทือนหรือเจ็บระบมได้
ขั้นตอนของการร้อยไหม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลพญาไท 2 จะมีการประเมินโครงสร้างใบหน้า วิเคราะห์ปัญหาและแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด จากนั้นทำการเตรียมผิวให้สะอาด แพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการยกกระชับเพื่อป้องกันอาการเจ็บ จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการร้อยไหม โดยการสอดเส้นไหมเข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ส่วนของเส้นไหมที่เป็นเงี่ยงจะทำการยกกระชับผิวหน้าขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการอักเสบเพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหน้า เมื่อร้อยไหมเสร็จแล้ว แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมเพื่อไม่ให้ใบหน้าบวม คนไข้สามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่มีแผลผ่าตัด
เจ็บไหม? คำถามนี้ที่หลายคนสงสัย
ก่อนการร้อยไหม แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะบริเวณที่ทำการสอดไหม ในระหว่างทำนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บเลย หลังหมดฤทธิ์ยาชาจะมีเพียงความรู้สึกตึงๆ เล็กน้อย และหลังร้อยไหมเสร็จแล้วจะเห็นผลอย่างรวดเร็วและชัดเจน
ข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหม
ข้อดี
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าที่เกิดการหย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
- เป็นหัตถการที่ไม่เจ็บ หลังทำเสร็จสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น
- ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ เพราะไม่มีการเย็บบริเวณผิวหนัง
- ไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวเกิดการกระชับตึงขึ้นในทันที
ข้อจำกัด
*คนไข้ที่อายุมากหรือหย่อนคล้อยมาก การเห็นผลลัพธ์อาจต้องใช้เส้นไหมเยอะกว่า และผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่าคนอายุน้อย
เห็นผลหลังทำทันที จริงหรือ…?
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะเห็นผลได้ชัดเจนทันทีประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ไหมจะทำหน้าที่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ผิวกระจ่างใส
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน..?
โดยปกติแล้วจะอยู่ได้นาน 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง
พญ. วัลลภา อัศวเบ็ญจาง
แพทย์สาขาตจวิทยา
ศูนย์ความงาม โรงพยาบาลพญาไท 2