“วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น” รักษาภูมิแพ้ที่มีสาเหตุจากการแพ้ไรฝุ่น

“วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น” รักษาภูมิแพ้ที่มีสาเหตุจากการแพ้ไรฝุ่น

โรคภูมิแพ้ไรฝุ่นเป็นโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย แต่ในปัจจุบันมีวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น เพื่อช่วยรักษาภูมิแพ้ที่มีสาเหตุจากการแพ้ไรฝุ่นได้ โดยวัคซีนชนิดนี้สกัดมาจากไรฝุ่นบ้าน 2 ชนิดรวมกัน มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคหอบหืด และโรคเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ ที่มีสาเหตุจากการแพ้ไรฝุ่นบ้าน โดยใช้หลักการให้สารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้มากระตุ้นให้ร่างกายของผู้ป่วยสร้างภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ขึ้น ซึ่งเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของการเกิดภูมิแพ้ และช่วยเปลี่ยนแปลงการดำเนินของโรคได้

ข้อดีของวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นแบบอม

  • เป็นการรักษาที่ตรงจุด คือ แก้ไขที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีความผิดปกติในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้โรคหายขาดได้
  • ผู้ที่มีอาการของโรคหืดร่วมกับโรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ วิธีการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น (SLIT) มีหลักฐานว่าช่วยให้อาการของโรคหืดทุเลาลง ลดอาการกำเริบ และลดการใช้ยาพ่นได้
  • สามารถบริหารการใช้ยาเองที่บ้านได้ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ (ยกเว้นเม็ดแรก ที่ต้องอมต่อหน้าแพทย์เพื่อสังเกตอาการ)
  • มีโอกาสการเกิดผลข้างเคียงแบบทั่วร่างกายน้อยกว่าการใช้วัคซีนภูมิแพ้แบบฉีด

วัคซีนนี้เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ป่วยประเภทใด

วัคซีนชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่เป็น….

  • โรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้
  • โรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ร่วมกับโรคหืด ที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล
  • ผู้ที่ใช้ยาแล้วมีผลข้างเคียงของยามาก
  • ผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้

วิธีการใช้วัคซีนชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น

แพทย์จะทำการรักษา โดยให้ผู้ป่วยใช้วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้นวันละ 1 เม็ดในขนาดวัคซีนเท่ากันทุกวัน เป็นระยะเวลา 3 ปี วัคซีนเม็ดแรกต้องใช้ต่อหน้าแพทย์หรือพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ เมื่อพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมจึงสามารถใช้วัคซีนเองที่บ้านได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการใช้ยา

ถ้าเกิดอาการดังต่อไปนี้ ให้รอดูอาการ สามารถใช้ยาแก้แพ้ (ยาต้านฮีสตามีน)ได้ แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์

  • รู้สึกคันภายในช่องคอ ปาก ลิ้น หรือ หู
  • มีอาการบวม อักเสบ แสบร้อน บวมแดงบริเวณริมฝีปาก ลิ้น ช่องคอ อาจมีแผลเกิดในช่องปาก หรือเจ็บภายในช่องปาก
  • รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม หรือรู้สึกชาภายในช่องปากหรือลิ้น
  • เสียงแหบ ปากแห้ง กลืนลำบาก การรับรสเปลี่ยนไป
  • ต่อมทอลซิล ต่อมน้ำลายขยายใหญ่ขึ้น หรือหลั่งน้ำลายมากขึ้น
  • ตาอักเสบ คันตา
  • รู้สึกไม่สบายช่องหู จมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือมีอาการหอบหืด ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
  • รู้สึกปวดหรือรู้สึกไม่สบายกระเพาะอาหาร ระคายเคืองหลอดอาหาร รู้สึกอาหารไม่ย่อย แสบร้อนกลางอก
  • เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย

อาการที่ต้องหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที

  • บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ
  • หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก
  • ผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหนังหลุดลอก มีไข้
  • อาการหอบหืดกำเริบรุนแรง หรือแย่ลงผิดปกติ

หากลืมกินยาควรทำอย่างไร

ให้ใช้ยาทันทีที่นึกได้ในวันนั้น ไม่ควรใช้ยา 2 เม็ดในวันเดียวกัน หากลืมใช้ยานานเกินกว่า 7 วันต้องติดต่อแพทย์ก่อนกลับมาเริ่มใช้ยาอีกครั้ง

การใช้ยาเกินขนาด

หากใช้ยาเกินขนาดอาจได้รับผลข้างเคียงมากขึ้น เช่น อาการแพ้ที่ปากและลำคอ หากเกิดอาการแพ้รุนแรงให้รีบพบแพทย์หรือนำคนไข้ส่งโรงพยาบาลทันที


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...