การเลี้ยงลูกมักมีความท้าทายที่ คุณพ่อ คุณแม่ ต้องเผชิญอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าอายุ 2 ปี ปัญหาที่พบได้บ่อยครั้ง คือ พฤติกรรมเอาแต่ใจ ที่มักเรียกกันว่า “วัยทอง 2 ขวบ” หรือ “Terrible two” แม้จะมีความยากลำบากในการรับมือกับลูก หมอยังอยากให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึก “ยินดี” กับสิ่งที่พบ เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ลูกของเรากำลังมีพัฒนาการ
ที่ก้าวหน้าและเติบโตขึ้น”
วัย 2 ขวบ เป็นวัยที่มีการพัฒนาของทั้งร่างกาย ความคิด และอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง (Autonomy) อยากทำตามความต้องการ หรืออยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งอาจจะยากเกินความสามารถ
ที่เด็กจะทำได้ หรือไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่จะทำสิ่งนั้นทำให้ถูกห้ามจากผู้เลี้ยงดู ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจ หงุดหงิด และแสดงออกมาในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
รับมือกับลูกอย่างไรดี
-
- ทุกพฤติกรรมที่แสดงออก มีเหตุ หรือ สิ่งกระตุ้นเสมอ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตดูว่าอะไรเป็น “ต้นเหตุ” ที่มากระตุ้นพฤติกรรมเอาแต่ใจในครั้งนั้น เช่น อยากได้ของเล่นแต่พ่อแม่ไม่ให้ซื้อ จึงลงไปนอนร้องดิ้นกับพื้น หรืองอแงไม่ยอมไปอาบน้ำเพราะอยากเล่นของเล่นต่อ
- เมื่อรู้ “ต้นเหตุ” หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงการเผชิญกับสถานการณ์นั้น ๆ
- แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ตกลงกันให้ชัดเจนก่อน เช่น วันนี้เราจะไม่ซื้อของเล่นนะ ถ้าหนูงอแง พ่อแม่จะพากลับบ้านทันที และคุณพ่อคุณแม่ต้องทำตามข้อตกลง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ถึงผลลัพธ์
- หากเด็กแสดงพฤติกรรมเอาแต่ใจในขณะนั้น
- ให้สะท้อนอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมอธิบายสั้น ๆ เช่น แม่รู้ว่าหนูเสียใจที่ไม่ได้เล่นต่อ
และรอให้ลูกค่อย ๆ สงบลง - หากการแสดงพฤติกรรมเอาแต่ใจ ทำเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มาสนใจ เช่น กรี๊ดดัง ๆ แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หลีกเลี่ยงการตอบสนอง โดยการหันไปสนใจ หรือพูดคุยด้วย
- หากมีการทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น เช่น กัด ตี เตะ หรือทำลายของให้ “จับหยุด” ทันที พร้อมสะท้อนอารมณ์และอธิบายว่าอะไรที่ทำไม่ได้ เช่น แม่รู้ว่าหนูโกรธ แต่ตีแม่ไม่ได้ค่ะ
- ให้สะท้อนอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมอธิบายสั้น ๆ เช่น แม่รู้ว่าหนูเสียใจที่ไม่ได้เล่นต่อ
- หากเป็นการแสดงพฤติกรรมเอาแต่ใจ หรืองอแงในการทำกิจวัตรประจำวัน
- แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ “จัดตารางเวลาชีวิตประจำวัน” กำหนดเวลาของการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ชัดเจน
ใช้รูปภาพเป็นสื่อให้ลูกสามารถเข้าใจได้ง่าย (Visual schedule) - มีการเตือนก่อนหมดเวลา 5-10 นาที เพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ตัว
- อาจใช้นาฬิกาที่เป็นเข็มแล้วกำหนดจุดที่เข็มเดินไปถึงเมื่อหมดเวลา หรือใช้นาฬิกาทราย เพื่อให้เห็นภาพของเวลาได้ชัดเจนมากขึ้น
- แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ “จัดตารางเวลาชีวิตประจำวัน” กำหนดเวลาของการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ชัดเจน
- เมื่อหมดเวลาและลูกให้ความร่วมมือ ให้รีบชม “แม่ดีใจที่หนูร่วมมือทำตามเวลา”
-
- หากหมดเวลาแล้ว ลูกอิดออด ให้ใช้เทคนิคเสริมด้วยการ “ให้ทางเลือกที่ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คุณพ่อคุณแม่กำหนดไว้” เพื่อให้เด็กรู้สึกว่า “ได้มีส่วนร่วมในในการเลือกกิจกรรมของตัวเอง” เช่น หากถึงเวลาอาบน้ำให้ทางเลือกว่าจะใช้สบู่ขวดสีฟ้าหรือขวดสีเหลืองในวันนี้ หรือเมื่อถึงเวลานอนให้ทางเลือกว่า ลูกจะเป็นคนปิดไฟหรือให้แม่เป็นคนปิดไฟ เป็นต้น
-
- ไม่สอนตอนที่กำลังมีอารมณ์ รอให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกสงบก่อน และหาช่วงเวลาดี ๆ เช่น ก่อนนอน เพื่อพูดคุย
และสอนลูกเพิ่มเติมผ่านเรื่องเล่าจากนิทาน - เพิ่มการให้ความสนใจและคำชม เมื่อลูกมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- ลดปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กควบคุมตนเองได้ยากขึ้น เช่น การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความหิว หรือการเจ็บป่วย
- เมื่อพ่อแม่ตอบสนองต่ออาการเอาแต่ใจของเด็กอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และเป็นไปในแนวทางเดียวกันทุกคน เด็กก็จะเรียนรู้ว่า ถ้าเอาแต่ใจ ก็จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ พฤติกรรมเอาแต่ใจก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ และค่อย ๆ หายไป
หากพ่อแม่ไม่สามารถรับมือกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของลูก หรือลูกมีพฤติกรรมเอาแต่ใจที่รุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเพื่อตรวจประเมินเพิ่มเติมหาวิธีแก้ไขต่อไป
พญ.ปัญญ์ชลี จงไพบูลย์พัฒนะ
กุมารแพทย์ เฉพาะทางด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รพ.พญาไท 2