เครื่องวัดความดันโลหิต 24 ชั่วโมงแบบพกพา ทำให้รู้ค่าความดันโลหิตที่แท้จริง

พญาไท 3

2 นาที

จ. 01/03/2021

แชร์


Loading...
เครื่องวัดความดันโลหิต 24 ชั่วโมงแบบพกพา ทำให้รู้ค่าความดันโลหิตที่แท้จริง

เคยสงสัยกันไหมว่า ทุกครั้งที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ทำไมเขาถึงต้องให้เราวัดความดันโลหิตทุกครั้งก่อนเข้าตรวจ หรือเพราะว่า… ค่าความดันโลหิตมีความสำคัญกับร่างกายของเรา แล้วถ้ามันมีความสำคัญจริง มันจะสำคัญอย่างไร หรือบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ในจุดไหน วันนี้นพ.จีระศักดิ์ สิริธัญญานนท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ แห่งคลินิกโรคหัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 3 มีคำตอบมาฝาก

ความดันโลหิตคืออะไร และสำคัญอย่างไร

ความดันโลหิต หรือ Blood Pressure หมายถึงความดันเลือดภายในหลอดเลือดแดง หรือพูดง่ายๆ ว่า คือแรงดันเลือดที่ไปกระทบต่อผนังภายในหลอดเลือดแดงขณะส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งค่าความดันนี้สามารถวัดได้โดยเครื่องมือทางการแพทย์ ที่นอกจากจะบอกถึงความแรงของการสูบฉีดเลือดแล้ว ยังอนุมานได้ถึงสุขภาพของผนังหลอดเลือดว่ายังดีอยู่หรือไม่ เพราะหากผนังหลอดเลือดมีความผิดปกติ แข็ง ขาดความยืดหยุน มีตะกรันเกาะ หรือเริ่มตีบ ก็จะถูกฟ้องด้วยค่าความดันโลหิตที่สูงขึ้นนั่นเอง

 

เพราะความดันโลหิตสูงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม และยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด รวมทั้งโรคไต และโรคแทรกซ้อนต่างๆ และหากมีการตีบ แตก หรือตันของหลอดเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน อาจจะทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น ความดันโลหิตจึงมีความสำคัญ ที่ต้องใส่ใจดูแล และควรได้รับการตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะกับผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือมีความดันโลหิตผันผวน

วัดความดันโลหิตแต่ละครั้ง ทำไมตัวเลขจึงไม่เท่ากัน

เมื่อเราวัดความดันโลหิตแล้วพบว่ามีตัวเลขที่สูงกว่ามาตรฐาน ก็อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลมากไป เพราะในแต่ละครั้งที่ทำการวัด ตัวเลขอาจต่างกันเล็กน้อยได้ ตามปัจจัยในขณะนั้น เช่น

  • มีภาวะทางอารมณ์ตื่นเต้น เครียด หรือมีความกังวล ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
  • เป็นช่วงที่เพิ่งทานอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีผงปรุงรสอาหารเค็มหรืออาหารสำเร็จรูปที่มีเกลือสูง
  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือดื่มกาแฟก่อนเข้ารับการวัดความดันโลหิต
  • เพิ่งเดินมาถึง เดินขึ้นบันไดมา ทำให้หัวใจยังเต้นแรงเพราะเหนื่อยหอบ

ความดันโลหิต กับตัวเลขที่เหมาะสม

เราจะทราบได้อย่างไรว่าความดันโลหิตยังปกติดีอยู่ คำตอบคือ ในทางการแพทย์นั้นมีตัวเลขที่เป็นมาตรฐานอยู่ 2 ตัว คือ

  1. ค่าความดันโลหิตตัวบน คือค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัว (Systolic Pressure) ส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ซึ่งค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 120 มม.ปรอท
  2. ค่าความดันโลหิตตัวล่าง คือค่าความดันขณะที่หัวใจคลายตัว (Diastolic Pressure) ซึ่งค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 80 มม.ปรอท

โดยทั่วไปแล้ว หากความดันโลหิตสูงกว่าค่ามาตรฐานเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่ถึงกับเป็นอันตรายหรือเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง แต่หากค่าความดันโลหิตตัวบนของใครสูงถึง 139 มม.ปรอท หรือค่าความดันโลหิตตัวล่างสูงถึง 89 มม.ปรอทเป็นประจำ นั่นอาจแสดงถึงภาวะหลอดเลือดแดงเริ่มมีปัญหา สิ่งแรกที่ทำได้คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ค่าความดันโลหิตลงลง หากปรับพฤติกรรมไปสักพักแล้วแต่ค่าความดันโลหิตยังสูงอยู่ เราแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

อาการของโรคความดันโลหิตสูง

ปกติแล้วคนที่มีความดันโลหิตสูงไม่มากนักมักไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้พวกเขาละเลยในการไปพบแพทย์ ต่อเมื่อเวลาผ่านไปความดันโลหิตที่สูงมากขึ้นอาจแสดงออกในรูปแบบอาการต่างๆ เช่น รู้สึกเหนื่อยง่าย ปวดศีรษะบ่อย มึนงงเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ มีเลือดกำเดาไหล ซึ่งใครก็ตามที่มีอาการเหล่านี้ควรได้รับการตรวจประเมินเรื่องความดันโลหิตอย่างจริงจัง เพราะอาการที่ว่ามานี้สามารถเกิดได้จากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะความดันโลหิตสูงเพียงอย่างเดียว ผู้ที่มีอาการอาจเป็นโรคอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตเลยก็ได้

โรคความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นได้อย่างไร

แม้สาเหตุที่แท้จริงของการมีความดันโลหิตสูงจะพิสูจน์ได้ยาก แต่ในทางการแพทย์นั้นพบว่าปัจจัยสำคัญของการมีความดันโลหิตสูงมีอยู่ 2 อย่าง คือ

  1. ปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ โดยคนที่มีพ่อหรือแม่เป็นความดันโลหิตสูง มักมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงได้มากกว่าคนที่พ่อและแม่มีความดันปกติ
  2. ปัจจัยทางพฤติกรรมและสภาพร่างกาย เช่น พฤติกรรมการกินอาหารที่มีโซเดียมสูง กินเค็ม ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ มีความเครียด พักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย มีน้ำหนักตัวเกิน เป็นโรคอ้วน ภาวะนอนกรน เป็นโรคเบาหวาน เป็นผู้สูงวัย

ก่อนเริ่มการรักษา ต้องรู้ค่าความดันโลหิตที่แท้จริง

จริงๆ แล้ว ค่าความดันโลหิตนั้นเปลี่ยนแปลงไปในตลอดวัน ความแตกต่างนั้นอาจเกิดจากสิ่งที่รับประทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความเครียด การพักผ่อน และกิจกรรมที่ทำในขณะนั้น การที่จะวินิจฉัยและบอกให้คนไข้ปรับพฤติกรรม หรือต้องรักษาด้วยการกินยา แพทย์จำเป็นจะต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่า คนไข้มีความดันโลหิตสูงจริงหรือไม่ และสูงในระดับที่ต้องการการรักษาแบบใด ซึ่งการวัดความดันโลหิตเพียงไม่กี่ครั้ง ในสภาพที่แตกต่างกัน อาจเป็นข้อมูลที่ไม่เพียงพอ

 

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ปัจจุบันแพทย์จะมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เรียกว่า “เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดพกพาติดตัวเพื่อดูผลตลอด 24 ชม.” โดยอุปกรณ์ที่ว่านี้จะประกอบด้วยส่วนที่เป็นผ้าพันแขน (Cuff BP) ซึ่งมีลักษณะเหมือนเวลาที่คนไข้ไปวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาล และส่วนที่เป็นเครื่องบันทึกความดันโลหิตตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นเครื่องเล็กๆ ที่คนไข้สามารถคาดติดไว้บริเวณเอวหรือเข็มขัดได้ โดยเครื่องดังกล่าวมีคุณสมบัติสำคัญ คือ

  • เก็บข้อมูลหรือค่าความดันโลหิตได้ถึง 250 ค่าอย่างต่อเนื่อง
  • สามารถตั้งเวลาหรือความถี่ในการวัดความดันโลหิตได้ตั้งแต่ทุกๆ 5 นาที ไปจนถึงทุกๆ 120 นาที ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้กำหนดค่าให้ตามความเหมาะสมแบบรายบุคคล
  • วัดความดันโลหิตได้ระหว่าง 25 ถึง 260 มม.ปรอท
  • วัดอัตราการเต้นของชีพจรได้ระหว่าง 20 ถึง 200 ครั้งต่อนาที
  • กำหนดการวัดค่าในช่วงเวลาต่างๆ ได้ 3 แบบ คือ ขณะตื่น ขณะหลับ และขณะทำกิจกรรมต่างๆ
  • ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยมีเครื่องติดตัวอยู่

เมื่อคนไข้หรือผู้ทดสอบติดอุปกรณ์จนครบ 24 ชม. แพทย์จะนำเครื่องมาโหลดข้อมูลเข้าในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลเป็นกราฟค่าความดันโลหิตในแต่ละช่วงเวลา แพทย์จะพิจารณาค่าเฉลี่ยในช่วงกลางวัน และในช่วงกลางคืนที่คนไข้นอนหลับ ซึ่งตัวเลขที่ได้จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ปัญหาหรือสุขภาพของคนไข้ เช่น มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือไม่ มีปัญหาเรื่องการนอนหลับหรือเปล่า เสี่ยงกับโรคความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วหรือยัง และมีความเร่งด่วนที่ต้องทำการรักษาหรือไม่ โดยเฉลี่ยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกพา ต้องไม่เกิน 135/85 mmHg และความดันโลหิตในเวลาหลับต้องไม่เกิน 130/80 mmHg

 

อุปกรณ์นี้ยังนิยมนำมาใช้กับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงแต่อายุยังน้อย อย่างกรณีคนไข้ที่อายุยังไม่ถึง 35 ปี แต่เมื่อวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาลแล้วพบว่ามีความดันโลหิตสูง ทั้งๆ ที่ผลการตรวจสุขภาพทั่วไปก็ดูปกติดี การที่แพทย์จะให้คนไข้กินยาลดความดันโลหิตจึงอาจจะยังเร็วเกินไป การหาค่าความดันโลหิตเฉลี่ยที่แท้จริงจึงเป็นคำตอบที่ดีก่อนพิจารณาถึงการรักษา

 

แม้อุปกรณ์นี้มักนำไปใช้กับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง แต่ก็อาจนำไปใช้กับคนไข้โรคเบาหวานที่อายุมากๆ โดยเฉพาะถ้าคนไข้มีความดันแปรปรวนหรือมีค่าความดันโลหิตที่เหวี่ยงขึ้นลงมากๆ เพื่อดูว่าคนไข้มีภาวะความดันต่ำมากๆ ด้วยหรือไม่ จะได้พิจารณาเรื่องการใช้ยาให้เหมาะสม

การรักษาโรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นโรคเรื้อรัง ในกรณีที่ความดันยังไม่สูงมากนัก แพทย์จะแนะนำให้คนไข้ปรับพฤติกรรม โดยการเลือกรับประทานอาการที่เหมาะสม ลดการบริโภคไขมันชนิดเลว หันมาทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และงดหรือลดปัจจัยเสียง เช่น การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

หากคนไข้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วแต่ความดันโลหิตยังไม่ลดลง แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยารักษาตามความรุนแรงของโรค ซึ่งคนไข้จำเป็นต้องกินยาอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่หยุดยาหรือปรับขนาดยาเอง และเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ ดูผลการรักษา และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในขณะทำการรักษา

 

และอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรัง แต่ในระยะเริ่มต้นคนไข้มักยังไม่รู้ตัวจึงไม่ค่อยเข้ารับการรักษา หรือแม้แต่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงแล้วก็ไม่ได้ตระหนักถึงภัยร้ายที่ค่อยๆ ลุกลาม จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญในการรักษา หรืออาจมีความเชื่อและความกลัวที่จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต

 

การที่คนไข้หรือใครก็ตามมีโอกาสได้วัดความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตสูงชนิดพกพา 24 ชม. จะทำให้เขาทราบอย่างแน่ชัดถึงโรคหรือภาวะที่ตนเองกำลังประสบ และตระหนักถึงความสำคัญในการเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง หรือเริ่มปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงต่างๆ ลง ซึ่งจะทำให้โรคลดความรุนแรงลงหรือสามารถกลับมามีความดันโลหิตในระดับที่ควบคุมได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยการกินยาอีกต่อไป

 

 

นพ. จีระศักดิ์ สิริธัญญานนท์
อายุรแพทย์โรคหัวใจ
ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 3


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...
Loading...