กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลคนไทยเสียชีวิตจากโรคอัมพาตปีละกว่า 13,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 37 คน ทั้งนี้โรคอัมพาตเกิดจากการที่สมองขาดเลือดเพราะมีการตีบ ตัน หรือแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้สมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ การสังเกตการเกิดโรคเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการรู้อาการเริ่มแรก และรีบพบแพทย์เพื่อรักษาได้เร็วมากขึ้นเท่าไร จะทำให้โอกาสเสียชีวิตหรือพิการลดลงมากขึ้นเท่านั้น
อัมพฤกษ์ อัมพาตนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร?
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตนั้น มักมาจาก
- โรคที่เกี่ยวกับสมอง ไม่ว่าจะเป็น เส้นเลือดในสมองอุดตันที่ทำให้สมองขาดเลือด เลือดออกในสมอง มะเร็งในสมอง หรือหลอดเลือดในสมองแตกจากโรคความดันโลหิตสูง หรือเส้นเลือดโป่งพองในสมอง
- โรคที่ไขสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังหัก กระดูกสันหลังเคลื่อน ติดเชื้อที่กระดูกสันหลังหรือไขสันหลัง เนื้องอกที่กระดูกสันหลังหรือไขสันหลัง
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หรือวัยสูงอายุ
- ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคสูงกว่าผู้หญิง
- ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นอัมพาตถึง 3 เท่า เนื่องจากผนังหลอดเลือดอ่อนแอจึงเกิดการแตกง่าย ทำไปสู่การเป็นอัมพาตได้
- ผู้ที่มีโรคเบาหวาน เนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวและตีบแคบ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
- โรคไขมันในเลือดสูง ทำให้ก้อนไขมันเกาะติดกับผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวแข็งขึ้น และหลอดเลือดตีบแคบ เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
- การสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่จะไปทำลายอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปอด หัวใจ และหลอดเลือด ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในหลอดเลือดลดน้อยลงจึงไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่เพียงพอ
5 สัญญาณ! อัมพฤกษ์ อัมพาต ที่ต้องรีบไปพบแพทย์
อาการแสดงสำคัญที่สุดที่ควรรู้ และควรสังเกตอย่างสม่ำเสมอ มีดังนี้
- ชา หรืออ่อนแรงที่หน้า แขน หรือขา ซีกใดซีกหนึ่ง อย่างทันทีทันใด
- พูดลำบาก พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูด อย่างทันทีทันใด
- มีปัญหาการมองเห็น ตามัว หรือเห็นภาพซ้อนของตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง อย่างทันทีทันใด
- มีอาการมึนงง เวียนศีรษะ เดินไม่ได้ เดินลำบาก เดินเซ หรือสูญเสียการทรงตัวในการยืนและเดิน อย่างทันทีทันใด
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรงอย่างทันทีทันใด โดยไม่ทราบสาเหตุ
ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง?
- อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อข้างใดข้างหนึ่ง อาจจะเป็นทั้งแขนและขา
- มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว เช่น การนั่ง การยืน หรือการเดินไม่ได้ แม้ว่ากล้ามเนื้อยังคงมีแรงอยู่
- ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถพูด และไม่สามารถเข้าใจภาษาทั้งพูดและเขียน (global aphasia) บางรายพูดไม่ได้แต่ฟังรู้เรื่อง (motor aphasia) บางรายพูดลำบาก (dysarthria)
- ไม่สนใจอวัยวะข้างใดข้างหนึ่ง มักเกิดในผู้ป่วยที่อ่อนแรงข้างซ้าย
- มีอาการชา หรือปวดข้างใดข้างหนึ่ง
- มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความคิด และการเรียนรู้
- มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนอาหาร
- มีปัญหาเกี่ยวการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ
- มีอาการเหนื่อยง่าย
- มีอารมณ์ผันผวน เช่น หัวเราะ หรือร้องไห้เสียงดัง
การรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มีวิธีการอย่างไร?
การรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต นั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและโรคต้นเหตุของผู้ป่วย เช่น
- ผ่าตัดสมอง เมื่อเกิดจากหลอดเลือดสมองแตก
- ใส่สารอุดตันเข้าหลอดเลือด เมื่อเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง
- ให้ยาละลายลิ่มเลือด เมื่อเกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน
- ให้ยาลดการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด
- ควบคุมโรคต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาควบคุมโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
- การทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขน/ขา หรือการฝึกพูด
เราสามารกป้องกันการเกิดโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต ได้อย่างไร?
- หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจหาโรคที่เป็นสาเหตุในการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และลดอาหารประเภทไขมัน แป้ง น้ำตาล
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
การสังเกตอาการของโรคนี้ หากพบอาการที่ได้กล่าวไปข้างต้นข้อใดข้อหนึ่งอย่างทันทีทันใด ให้สงสัยว่าอาจเป็นอาการเริ่มแรกของการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ควรรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาโดยเร็วภายใน 4 ชั่วโมงครึ่งนับจากเริ่มมีอาการครั้งแรก ทางที่ดีควรเลือกโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุดตันเฉียบพลันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการให้ยาละลายลิ่มเลือดพร้อมให้การรักษาตลอดเวลาก็จะยิ่งมีโอกาสหายจากโรคได้มากยิ่งขึ้น
พญ. ลลิตพรรณ สุดประเสริฐ
แพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง
ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์