นิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบที่มองไม่เห็น ปล่อยไว้อาจรุนแรงกว่าที่คิด

นิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบที่มองไม่เห็น ปล่อยไว้อาจรุนแรงกว่าที่คิด

โรคนิ่วในถุงน้ำดี ถือเป็นภัยเงียบในระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเป็นโรคที่มักไม่แสดงความผิดปกติเฉพาะเจาะจง กว่าจะรู้ก็ต้องได้รับการตรวจร่างกาย เพราะอาการแสดงโดยทั่วไปของโรคจะคล้ายกับโรคในระบบทางเดินอาหารชนิดอื่น จึงมักถูกมองข้าม ปัจจุบันเราพบโรคนี้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีระดับไขมันและคอเรสเตอรอลสูง และพบในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชายราว 2 เท่า

อาการเฝ้าระวังโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่ไม่ควรมองข้าม

  • ท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาหารไม่ย่อย มักเป็นหลังทานอาหารมัน
  • ปวดบิดรุนแรงนานกว่าชั่วโมง บริเวณใต้ชายโครงขวา ปวดร้าวจนถึงไหล่ และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
  • ปวดท้องรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม โดยมักเป็นหลังกินอาหารมันหรือกินอาหารมื้อหนัก
  • อาการดีซ่าน (ตาเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง

การตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติ มักไม่มีไข้ บางครั้งอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่และได้ชายโครงขวา การส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography : E.R.C.P) จึงเป็นวิธีการค้นหาความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้พบสาเหตุ ขณะเดียวกันในบางกรณีก็ยังสามารถทำการรักษาได้ในขณะส่องกล้องด้วย

โรคที่ค้นพบได้จากการส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน E.R.C.P

ส่วนใหญ่จะค้นพบได้จากสาเหตุหลักที่เกิดจากความผิดปกติของท่อน้ำดีและตับอ่อน อาทิ นิ่วในท่อทางเดินน้ำดี ตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอุดตัน เนื้องอก ภาวะรั่วของท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อน ภาวะดีซ่าน เป็นต้น

ส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน E.R.C.P มีขั้นตอนอย่างไร

แพทย์จะทำการใช้กล้องส่องเข้าไปทางปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ไปจนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็ก และทำการฉีดสารทึบแสงและถ่ายภาพเอกซเรย์

จุดเด่นของการส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน E.R.C.P

  1. ตรวจหาความผิดปกติของท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน
  2. รักษาภาวะท่อทางเดินน้ำดี หรือท่อตับอ่อนอุดตัน โดยการใส่ท่อระบายน้ำดีหรือน้ำย่อยจากตับอ่อน
  3. สามารถรักษานิ่วในท่อทางเดินน้ำดี โดยการดึงนิ่วออกได้ในขณะส่องกล้องได้ทันที

ตัดสินใจส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน E.R.C.P ต้องเตรียมตัวอย่างไร

  1. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
  2. งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด 7 วันก่อนการส่องกล้อง
  3. งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำทุกชนิดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนทำการตรวจ
  4. ในวันตรวจต้องมีญาติมาด้วย
  5. แจ้งแพทย์เรื่องโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาต่างๆ

ข้อควรรู้ระหว่างการส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน E.R.C.P

  1. แพทย์จะให้ยาชาเฉพาะบริเวณลำคอโดยการอมและพ่น ยาคลายความวิตกกังวลทางสายน้ำเกลือ
  2. ผู้ป่วยจะเริ่มเคลิ้มหลับ ในท่านอนตะแคง
  3. แพทย์จะใส่ท่อพลาสติกสั้นๆ ไว้ในช่องปากเพื่อป้องกันการกัดกล้องตรวจ
  4. แพทย์ทำการใส่กล้องส่องตรวจผ่านท่อพลาสติกเข้าไปในปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหารจนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็ก และฉีดสารทึบแสง ถ่ายภาพเอกซเรย์ไว้
  5. หากพบความผิดปกติ เช่น นิ่ว จะดึงนิ่วออก
  6. หากพบว่ามีการอุดตันของท่อทางเดินน้ำดี หรือท่อตับอ่อน จะใส่ท่อระบายน้ำดีคาไว้

หลังตรวจส่องกล้อง E.R.P.C ควรทำอย่างไร

  1. นอนพักที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  2. งดน้ำและอาหาร เพื่อสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น อาการข้างเคียง อาจมีอาการเจ็บคอ
  3. ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อน และควรรับประทานอาหารอ่อน รสไม่จัด
  4. หลังการตรวจอาจมีอาการแน่นท้อง แต่จะดีขึ้นตามลำดับประมาณ 2-3 วัน

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

ESD ส่องกล้องตัดติ่งเนื้อขนาดใหญ่จากสำไส้โดยไม่ต้องผ่าตัด

พญาไท 2

ESD เทคนิคการส่องกล้องตัดติ่งเนื้อขนาดใหญ่จากสำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหารผ่านกล้อง เหมาะสำหรับชิ้นเนื้อที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 เซนติเมตรขึ้นไป วิธีนี้จะสามารถตัดติ่งเนื้อได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อ

ไวรัสตับอักเสบ ภัยเงียบที่มักถูกละเลย...แต่อันตรายถึงชีวิต!!

พญาไท 2

ไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิด ได้แก่ไวรัสตับอักเสบเอ, บี, ซี, ดี, อี เป็นต้น แต่ที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขประเทศไทย ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี

ป่วยเป็น “โรคกรดไหลย้อน” กินอะไรดีนะ?

พญาไท 2

โรคกรดไหลย้อน มีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกิน เช่น กินอาหารรสจัด กินอิ่มเกินไป กินแล้วนอน หากสงสัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนควรรีบพบแพทย์ และเลือกกินอาหารที่เหมาะสม

การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนบน (EGD)

พญาไท 2

เป็นวิธีการใช้กล้องสอดผ่านจากปากลงสู่คอไปยังลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อตรวจหาความผิดปกติในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ในผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติ