เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า หลอดเลือดสมองตีบ กับ หลอดเลือดสมองแตก กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งทั้งสองอาการนี้สามารถทำให้ผู้ป่วยเฉียบพลันกลายเป็นผู้พิการ หรือเกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตกันได้เลย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
หลอดเลือดสมอง “ตีบตัน” กับ “แตก” ต่างกันอย่างไร?
โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน คือภาวะเสื่อมของผนังหลอดเลือด หลอดเลือดแดงเกิดการแข็งตัว มีไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดด้านในจนผนังหนา ทำให้พื้นที่ภายในหลอดเลือดค่อยๆ ตีบแคบลง เลือดจึงไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเมื่อตีบมากขึ้นเลือดก็ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงสมอง
ส่วนโรคหลอดเลือดสมองแตก คือการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด ทำให้มีเลือดออกในสมอง มีทั้งแบบหลอดเลือดแตกในเนื้อสมอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท เพราะเลือดไปกดเบียดเนื้อสมอง ทำให้สมองทำงานผิดปกติ และแบบหลอดเลือดแตกในชั้นเยื่อหุ้มสมอง ที่มีสาเหตุมาจากการโป่งพองของหลอดเลือดสมอง ซึ่งผู้ป่วยประเภทนี้จะมีการปวดหัวที่รุนแรงมาก
สมองขาดเลือด สาเหตุอัมพฤกษ์ อัมพาตฉับพลัน
ทุกวินาทีที่สมองขาดเลือด ไม่ว่าจะเกิดจากการอุดตัน ตีบ หรือแตก เซลล์สมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวจะถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ จากสมองที่เคยสั่งการแขนขาได้ ก็ทำไม่ได้ แขนขาจึงอ่อนแรง บางคนเป็นแค่ครึ่งซีก บางคนเป็นทั้งตัว และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในเคสที่หลอดเลือดสมองแตก ก็จะมีเลือดคั่งในสมอง ซึ่งถ้ารักษาไม่ทันเวลา ก็จะกลายเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทราได้ในที่สุด
อาการที่ควรเฝ้าระวังอัมพฤกษ์-อัมพาตเฉียบพลันจากโรคหลอดเลือดสมอง
จากสถิติการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในคนไทย พบว่ามีเพิ่มขึ้นราว 500-1,000 คนในแต่ละวัน และมีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง คืออยู่ที่ 5-10% การหลีกเลี่ยงความรุนแรงของอาการ คือการได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรืออย่างน้อยต้องได้รับการรักษาภายใน 270 นาที (เกิน 4 ชั่วโมงครึ่ง) เพื่อลดโอกาสในการเกิดอัมพฤกษ์-อัมพาตอย่างถาวร และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้มาก
สำหรับการเฝ้าระวังอัมพฤกษ์-อัมพาตเฉียบพลันจากโรคหลอดเลือดสมอง สามารถสังเกตอาการต่างๆ ที่อาจเกิดได้ดังนี้
- แขนขาอ่อนแรง หรือชาไปครึ่งซีกแบบฉับพลัน
- ชาที่ใบหน้า มือเท้าชา
- ไม่มีแรงยกแขน กำมือไม่ได้ หยิบจับของไม่อยู่ หลุดร่วงจากมือ
- ไม่มีแรงเดิน หรือเดินเซ ไม่มีแรงกระดกเท้าและยกขาขึ้นไม่ได้
- มุมปากตก ปากเบี้ยว
- พูดลำบาก พูดไม่ชัด นึกคำไม่ออก หรือพูดผิดๆ ถูกๆ หรือบางคนอาจพูดไม่ได้เลย
- เห็นภาพซ้อน การมองเห็นผิดปกติ
- ปวดศีรษะรุนแรงแบบฉับพลัน ร่วมกับอาเจียน วิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน
ซึ่งหากมีอาการดังที่กล่าวเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ควรรีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน หรือให้คนใกล้ชิดพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจหมดสติ และทำให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์จนนำไปสู่การเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว
Mobile CT & Stroke Treatment Unit ช่วยผู้ป่วยได้
ทุก 1 นาทีที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจะตายไป 1.9 ล้านเซลล์ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของสมองช้าลง และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วสมองก็หยุดทำงานในที่สุด การมาถึงโรงพยาบาลล่าช้าเกินกว่า 270 นาที อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการ “อัมพฤกษ์ อัมพาต” อย่างสมบูรณ์หรือเสียชีวิตได้
โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ เล็งเห็นถึงปัญหาการเดินทางของผู้ป่วย ด้วยทั้งอาการที่เกิดขึ้น ระยะทาง และการจราจรที่ติดขัด จึงได้นำเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จำเป็น ในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มาบรรจุไว้ใน Mobile CT & Stroke Treatment Unit หรือหน่วยรักษาอัมพาตเฉียบพลันเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นบริการรถพยาบาลที่มุ่งช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยความฉับไว พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากรผู้ชำนาญการด้านระบบประสาทอย่างครบครัน
เมื่อรถเดินทางไปถึง ณ ที่ผู้ป่วยอยู่ การตรวจและการวินิจฉัยจะเริ่มต้นโดยทันทีโดยไม่ต้องรอให้ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสมอง ลดความเสี่ยงในการเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตจนเกิดเป็นความพิการ หรือถึงกับเสียชีวิตในกรณีที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยหายดีได้มากกว่าด้วย
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีความกังวลหรือมีผู้ใหญ่ในบ้านที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง จึงควรเตรียมพร้อมในการเรียก รถพยาบาลฉุกเฉินรักษาอัมพาตเฉียบพลันเคลื่อนที่ โทร.1772 กด 7 เพื่อเข้าถึงบริการการรักษาได้อย่างรวดเร็วที่สุด