“แผลเบาหวาน” เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบมากในผู้ป่วยที่ควบคุมอาการของโรคได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะแผลเรื้อรังที่เท้า เพราะระบบประสาทและหลอดเลือดของผู้ป่วยเบาหวานจะทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการชาหรือไร้ความรู้สึกที่ปลายมือและเท้า เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนมีแผล และเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณแผลไม่เพียงพอ จึงทำให้แผลหายช้าหรือกลายเป็นแผลเรื้อรัง ทั้งนี้หากไม่รีบรักษา แผลอาจลุกลามรุนแรงจนถึงขั้นต้องสูญเสียนิ้ว เท้า หรือต้องตัดขาในที่สุด
ดูแลแผลเบาหวานอย่างไรให้ดี
นอกจากระดับน้ำตาลที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องระวังไม่ให้สูงเกินค่าปกติแล้ว ผู้ป่วยยังต้องระวังไม่ให้เกิดบาดแผลใดๆ เพราะแผลจะหายยากและเสี่ยงติดเชื้อง่าย แต่หากเกิดแผลขึ้นแล้ว ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลเบาหวานได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- ความสะอาด
ต้องหมั่นทำความสะอาดแผลอย่างเบามือ วันละ 2-4 ครั้ง ด้วยสบู่ น้ำอุ่น หรือน้ำเกลือ หลังล้างต้องเช็ดให้แห้งทุกครั้ง ที่สำคัญอย่าใช้แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาด เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายโปรตีนในเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นอันตรายต่อแผล
- การปิดแผล
เมื่อทำความสะอาดแผลและเช็ดให้แห้งสนิทแล้ว ต้องใส่ยาฆ่าเชื้อที่เป็นต้นเหตุทำให้แผลหายช้า ปิดแผลให้สนิท ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด
- หมั่นสังเกต
คอยสังเกตแผลอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติ เช่น มีอาการปวด บวม หรือมีน้ำเหลือง โดยเฉพาะแผลมีหนองต้องดูแลอย่างดี เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์จะดีกว่า
- ดูแลแผลกดทับ
แผลกดทับจะทำให้เนื้อเยื่อตายและติดเชื้อได้ง่าย จึงต้องดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ อย่าปล่อยให้แผลถูกกดทับนานเกินกว่า 2 ชั่วโมง และควรเช็ดทำความสะอาดแผลกดทับด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำเกลือนอร์มัลซาไลน์ จากนั้นปิดแผลที่แห้งสนิทด้วยผ้าปิดแผลที่ฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น
ป้องกันได้…ไม่ให้เกิดแผลเรื้อรัง
ใช่ว่าผู้ป่วยเบาหวานทุกคนต้องเป็น “แผลเรื้อรัง” หากผู้ป่วยดูแล “เท้า” เป็นอย่างดี พยายามไม่ให้เกิดบาดแผลใดๆ แผลเรื้อรังก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่ผู้ป่วยเบาหวานควรทำคือ
- สำรวจเท้าทุกวันว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น รอยบวมแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำใส ขุยขาวที่ซอกนิ้วเท้า ตาปลา และสีเล็บ
- ทำความสะอาดเท้าทุกวัน เช็ดให้แห้งทุกครั้ง
- ทาโลชั่นหรือวาสลีนเพื่อให้เท้าชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้เท้าแห้ง ลอก และคัน
- หมั่นตัดเล็บเท้าด้วยความระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้เล็บยาวหรือตัดสั้นจนเกินไป
- สวมถุงเท้าที่สะอาดและไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อคงความชุ่มชื้น และลดการเสียดสี
- เลือกสวมรองเท้าที่ถูกสุขลักษณะ ขนาดพอดี สวมใส่สบาย
- บริหารเท้าเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปสู่เท้าได้มากขึ้น
“แผลเรื้อรังจากเบาหวาน” เป็นภาวะที่ผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้แผลลุกลามร้ายแรงจนยากที่จะรักษา หากเป็นแผลหรือพบความผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและเร็วที่สุด
ป้องกันให้ดี…ดูแลให้ได้ “แผลเรื้อรัง” ก็จะไม่เกิด
หรือหากเกิดแล้ว…ก็หายได้ เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
นพ. สิทธิผล ชินพงศ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ
ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์