โรค “อัลไซเมอร์” คืออะไร?
หลายคน อาจมีบางเรื่องที่ “อยากจะลืม”
แต่เชื่อว่า..คงไม่มีใครที่ “อยากจะลืม..ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ทุกคน..ในชีวิต”
“อัลไซเมอร์” เป็นอาการของภาวะสมองเสื่อม
เกิดจากความเสื่อมถอยของการทำงานหรือโครงสร้างเนื้อเยื่อของสมอง ซึ่งพบมากในผู้สูงวัย แต่ไม่ใช่ภาวะธรรมชาติที่ผู้สูงอายุทุกคนจะต้องเป็น การที่เราเฝ้าสังเกตพฤติกรรมและอาการผู้สูงอายุในครอบครัวว่ามีสัญญาณเตือนเสี่ยงเป็น “โรคอัลไซเมอร์” หรือไม่? จะช่วยให้การรักษาเกิดขึ้นเร็ว เป็นการช่วยชะลออาการของโรคไม่ให้ลุกลามเร็วเกินไป
“อัลไซเมอร์” มีอะไรมากกว่าที่คุณเคยรู้
ผู้ที่เป็น โรคอัลไซเมอร์ จะมีอาการหลงลืมหรือภาวะสับสนที่ค่อย ๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ โดยใช้เวลาหลายปี ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะมีการดำเนินโรคช้าหรือเร็วแตกต่างกัน ทำให้สามารถคาดเดาได้ยากว่าอาการจะแย่ลงเมื่อใด
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า “โรคอัลไซเมอร์” มีอาการแค่หลงๆ ลืมๆ เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว! ความรุนแรงของโรคนี้อาจส่งผลให้มีอาการทางพฤติกรรมหรือจิตเวชร่วมด้วย
อาการของโรคอัลไซเมอร์ระยะต่างๆ
โรคอัลไซเมอร์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะแรก
อาการในช่วงต้นของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์แต่ละรายอาจแตกต่างกัน แต่โดยมากจะเริ่มจากอาการหลงลืม ลืมบทสนทนาหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ชอบถามคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้ มีความลังเลที่จะทำเรื่องใหม่ๆ และมีอารมณ์แปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง เช่น หงุดหงิด กระวนกระวาย และวิตกกังวลมากกว่าปกติ - ระยะปานกลาง
เมื่ออาการของโรคเริ่มดำเนินต่อไปถึงขั้นต่อมา ผู้ป่วยจะยิ่งมีปัญหาด้านความทรงจำ เกิดภาวะสับสนและสูญเสียการรับรู้ด้านสถานที่ เวลา และบุคคล เช่น หลงทาง จำคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักไม่ได้ จะมีปัญหาเรื่องการนอน เช่น นอนไม่หลับ ความรุนแรงของระยะนี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ หรือรุนแรงจนถึงขั้นเกิดภาวะซึมเศร้า หรือมีอาการประสาทหลอนได้ - ระยะท้าย
เป็นระยะที่อาการของโรครุนแรงขึ้นอย่างมาก ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการดูแลและให้ความช่วยเหลือตลอด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การเคลื่อนไหว หรือการเข้าห้องน้ำ มีการกลืนหรือเคี้ยวอาหารได้ลำบาก เคลื่อนไหวช้าลง หรือไม่สามารถเดินเองได้ ปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ด เนื่องจากกลั้นไม่อยู่ และสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน จนต้องพึ่งพาผู้อื่นในเรื่องง่ายๆ เช่น ต้องป้อนข้าว อาบน้ำให้ เป็นต้น ผู้ป่วยจะเกิดภาพหลอน เรียกร้องความสนใจ หรือก้าวร้าวขึ้น และจะค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการพูดไปทีละน้อยจนไม่สามารถสื่อสารได้
สัญญาณนี้…ที่เรียกว่า “อัลไซเมอร์”
แม้ว่าโรคอัลไซเมอร์จะไม่มีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจน แต่การเฝ้าสังเกตอาการของผู้สูงอายุที่เรารักนั้น ถือเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง หากพบสัญญาณหรืออาการที่ผิดแปลกไป ควรรีบพามาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และหากต้องรักษาจะได้เข้ารับการรักษาทันทีเพื่อลดความรุนแรงของโรค
- มีความจำถดถอย
มีอาการหลงลืมในสิ่งต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น ลืมชื่อคนรู้จัก หรือลืมนัดหมายสำคัญ ซึ่งจะส่งผลในการใช้ชีวิตประจำวัน - ทำกิจวัตรที่คุ้นเคยลำบากมากขึ้น
เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว การรับประทานอาหาร การโทรศัพท์ เพราะลืมขั้นตอนในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ - ลืมของ วางไว้ผิดที่
ลืมของไว้ในที่ที่ไม่ควรวาง หรือเก็บของไว้แล้วไม่สามารถย้อนนึกกลับไปได้ว่าวางไว้ที่ใด เช่น เก็บโทรศัพท์ไว้ในตู้เย็น - สับสนเรื่องเวลาและสถานที่
เช่น ไม่รู้วันที่ ฤดูกาล และเวลา ลืมสถานที่ที่ตัวเองอยู่ หรือไม่รู้ว่าจะไปสถานที่นั้นๆอย่างไร จนหลายครั้งมักจะหลงทางในพื้นที่ที่คุ้นเคย หรือเดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีจุดหมาย ทำให้หาทางกลับบ้านเองไม่ได้ รวมทั้งยังลืมวันเวลา ลืมว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ เป็นวันอะไรของสัปดาห์ - มีปัญหาด้านการสื่อสาร
เนื่องจากสมองมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง การเรียบเรียงคำพูดและการสร้างประโยคจึงเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น ผู้ที่มีอาการอัลไซเมอร์มักจะลืมคำพูดที่ต้องการสื่อสาร ทำให้ต้องหยุดพูดระหว่างการสนทนา บางครั้งใช้คำผิดความหมาย พูดคำหรือประโยคซ้ำๆ รวมถึงเรียกชื่อสิ่งของไม่ถูกต้อง - ความสามารถในการตัดสินใจลดลงหรือสูญเสียไป
เช่น ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับตนเอง ไม่ทำผม ไม่อาบน้ำ เมื่อจะไปงานสำคัญ หรือเลือกใส่เสื้อหนาๆ หลายๆ ชั้นในวันที่อากาศร้อน - มีปัญหากับการเข้าใจภาพที่เห็น
ทำให้ไม่สามารถอ่านหนังสือและอ่านตัวเลขได้ วางของบนโต๊ะแต่มักปล่อยลงก่อนถึงโต๊ะ รวมทั้งไม่สามารถกะระยะทาง และรับรู้ความแตกต่างของสี หรือมองเห็นสีเปลี่ยนไป ทำให้มีปัญหาในการขับขี่ยานพาหนะ และไม่สามารถปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง - อารมณ์แปรปรวนชัดเจน
มีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมและก้าวร้าวมากขึ้น หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน โดยสามารถเปลี่ยนจากอารมณ์ดี เป็นการร้องไห้ได้โดยไม่มีเหตุผล รู้สึกโกรธ มีอาการสับสน ซึมเศร้า วิตกกังวล หวาดระแวงคนรอบข้างและคนในครอบครัว - เก็บตัว ไม่อยากพบผู้คน
มักจะปลีกตัวออกจากสังคมรอบข้าง กลายเป็นคนเก็บตัว และไม่อยากพบปะเพื่อนฝูง รวมถึงหมดความสนใจในงานอดิเรกที่เคยชื่นชอบ เช่น การเล่นกีฬา การเข้างานสังคม มักใช้เวลาไปกับการดูโทรทัศน์หรือการนอนหลับที่มากผิดปกติ
“อัลไซเมอร์”…ชะลอได้
การดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ พร้อมกับเลือกสิ่งดีๆ ให้แก่ร่างกาย ย่อมส่งผลดีต่อสมองของคุณด้วยแน่นอน ที่สำคัญเป็นการลดความเสี่ยงการเกิด “โรคอัลไซเมอร์” ได้อีกด้วย
- เลิกสูบบุหรี่
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในสัดส่วนที่พอเหมาะ เน้นรับประทานผักและผลไม้
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที ใน 5 วันต่อสัปดาห์
- ตรวจและควบคุมระดับความดันโลหิต
- หากป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมการรับประทานอาหาร และการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
- ทำกิจกรรมการกระตุ้นความคิดอยู่เสมอ
โดยมีงานวิจัยจำนวนหนึ่งพบว่า ผู้ที่ฝึกตนเองให้มีความกระฉับกระเฉงด้านร่างกาย ความคิด และทักษะทางสังคมเป็นประจำและสม่ำเสมอ หรือผู้ที่มีกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่หลากหลาย จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
รักษา… “อัลไซเมอร์”
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาใดที่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ แต่มีการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการบางชนิด และชะลอการพัฒนาของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยการใช้ยายับยั้งสารอะเซตีลโคลีนเอสเทอเรส (Acetylcholinesterase) เพื่อลดการทำลายสารความจำในสมอง
นอกจากนี้ ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น รวมถึงควบคุมอาการของโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง
หากคนในครอบครัวมีสัญญาณบ่งชี้ “โรคอัลไซเมอร์” ควรรีบพามาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด… เราต้องดูแลคนในครอบครัวอย่างใกล้ชิด “อย่าให้เรื่องราวดีๆ หายไปจากความทรงจำของคนที่คุณรัก”
พญ. ลลิตพรรณ สุดประเสริฐ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา
ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์