การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา (corneal transplantation) คือ การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายกระจกตาของผู้ป่วยที่ขุ่นหรือเป็นโรคออก แล้วปลูกถ่ายด้วยกระจกตาของผู้บริจาค การปลูกถ่ายกระจกตาถือเป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะประเภทหนึ่ง ซึ่งอัตราความสำเร็จของการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาอยู่ที่ 70-95% (Le R, et al., 2017) ขึ้นอยู่กับอาการและโรคที่ผู้ป่วยเป็น
ผลกระทบทางด้านจิตใจ
เนื่องจากการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเป็นการผ่าตัดใหญ่ทางตา ดังนั้นจึงอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตใจของผู้ป่วย โดยอาจเป็นผลมาจากความกังวล ความเครียด ความหดหู่ใจ ความโกรธ หรือความผิดหวัง ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้แต่พบไม่บ่อย ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินความพร้อมของผู้ป่วยทั้งด้านสภาพร่างกายและจิตใจก่อนพิจารณาถึงการผ่าตัด
ทำไมจึงต้องผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา
- เพื่อแก้ไขการมองเห็นของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ถือเป็นสาเหตุหลักในการผ่าตัด
- เสริมความแข็งแรงของกระจกตา ในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระจกตาบางหรือทะลุ
- เพื่อควบคุมการติดเชื้อที่กระจกตา ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อที่กระจกตา
ปัญหาที่พบได้จากการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา
ในทุกการผ่าตัด จักษุแพทย์จะประเมินรอยโรคและวางแผนการรักษามาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในการผ่าตัดก็อาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ แม้จะไม่พบบ่อย เช่น
- ระหว่างผ่าตัด
เกิดบาดแผลโดยอุบัติเหตุที่เยื่อบุชั้นในสุดของกระจกตา ม่านตา เลนส์แก้วตา เลือดออกในน้ำวุ้นตา และภาวะที่ร้ายแรงที่สุดคือมีเลือดออกในชั้นใต้จอประสาทตา - ภายหลังการผ่าตัดระยะแรก
แผลผ่าตัดอาจรั่วซึม ช่องหน้าลูกตาแบน ม่านตาโผล่ เกิดฝีบริเวณรอยเย็บ เยื่อบุผิวกระจกตามีความผิดปกติอย่างถาวร เกิดภาวะความดันลูกตาสูง และการติดเชื้อในลูกตาที่เป็นอันตรายต่อสายตา - ภายหลังการผ่าตัดระยะหลัง
สายตาเอียง แผลผ่าตัดแยกในภายหลัง จุดรับภาพตรงกลางบวม การเกิดโรคเดิมซ้ำที่กระจกตาของผู้บริจาค และต้อหิน - ภาวะกระจกตาขุ่นมัวเร็วกว่าปกติ
ตั้งแต่วันแรกภายหลังการผ่าตัด ซึ่งมักเกิดจากเยื่อบุชั้นในสุดของกระจกตาที่ได้รับบริจาคมีความผิดปกติ หรือเกิดจากอุบัติเหตุในระหว่างผ่าตัด - ภาวะกระจกตาขุ่นมัวในภายหลัง
มักเกิดจากร่างกายปฏิเสธกระจกตาที่นำมาปลูกถ่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรับรู้ว่ากระจกตาที่ได้รับบริจาคเป็นสิ่งแปลกปลอม และพยายามทำลาย ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์จนถึง 1 ปีภายหลังการผ่าตัด อาการแสดงต่างๆ ได้แก่ การมองเห็นลดลง มีอาการตาแดง อาการระคายเคือง น้ำตาไหล และอาการแพ้แสง การรักษาที่เป็นหลักสำคัญ ได้แก่ การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
คำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางก่อนและหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ป่วยควรอยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนตลอดระยะเวลาการรักษา (ไม่รวมระยะเวลาการรอกระจกตา)
- แนะนำให้พักโรงแรมใกล้โรงพยาบาล เพื่อความสะดวกในการเดินทางมาโรงพยาบาลทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
- ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด เนื่องจากการผ่าตัดใช้วิธีการดมยาสลบ และต้องงดน้ำและอาหารมาก่อนการตรวจร่างกาย
หลังเข้ารับหัตถการ
- ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจติดตามอาการอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ จึงสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการหลังผ่าตัดและดุลยพินิจแพทย์
โอกาสสำเร็จจากการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ
- กระจกตาของผู้ป่วย เช่น เคยได้รับการผ่าตัดมาก่อน ความแข็งแรงของกระจกตา
- สุขภาพของผู้ป่วย เช่น โรคประจำตัวที่มีอยู่ได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่
- การให้ความร่วมมือในการผ่าตัด และการดูแลตนเองหลังผ่าตัด
- ภาวะโรคแทรกซ้อนทางตาอื่นๆ เช่นโรคต้อหิน โรคจอประสาทตา โรคม่านตาอักเสบ เป็นต้น
- ทั้งนี้จักษุแพทย์ทางด้านกระจกตาจะเป็นผู้ประเมิน และให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลสำเร็จของการรักษาหลังจากตรวจประเมินสภาพตาของผู้ป่วย
ขั้นตอนของการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา
จักษุแพทย์ด้านกระจกตาจะตรวจประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด และส่งผู้ป่วยตรวจประเมินร่างกายกับอายุรแพทย์เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการดมยาสลบ การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยจักษุแพทย์จะคัดแยกกระจกตาของผู้ป่วยออก ซึ่งมักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7-8 มิลลิเมตร ในขณะเดียวกันจักษุแพทย์จะทำการคัดแยกกระจกตาจากผู้บริจาคในขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย แล้วนำไปใส่ในผู้ป่วย แผลผ่าตัดจะเป็นรูปวงกลมรอบกระจกตา โดยมีการเย็บด้วยไหมขนาดเล็กล้อมรอ
ทางเลือกอื่นในการรักษากระจกตา
- การเปลี่ยนกระจกตาเป็นบางชั้น
การรักษาด้วยวิธีนี้ จะเป็นการตัดเอาเฉพาะส่วนผิวด้านหน้าของกระจกตาที่มีพยาธิสภาพออกไป แทนที่จะตัดความหนาทั้งหมดของกระจกตาออก ข้อดีของการไม่ตัดเยื่อบุชั้นในสุดของกระจกตาทิ้งไป คือสามารถลดโอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธกระจกตาที่เกิดจากการปลูกถ่ายได้ แต่การเปลี่ยนกระจกตาเป็นบางชั้นนั้นเป็นวิธีที่ทำได้ค่อนข้างยากกว่า
ผู้ป่วยที่เหมาะสมในการเปลี่ยนกระจกตาเป็นบางชั้น
- กระจกตาเสียหายจากการผ่าตัดดวงตากรณีอื่นๆ เช่นการผ่าตัดต้อกระจก
- กระจกตาโค้งผิดรูปหรือกระจกตารูปกรวย
- กระจกตาเสียหายจากสาเหตุทางพันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของเยื่อชั้นในสุดของกระจกตา
- กระจกตาเกิดแผลเป็นภายหลังจากการบาดเจ็บ หรือภายหลังจากการติดเชื้อ
- ร่างกายปฏิเสธการปลูกถ่ายกระจกตาในครั้งก่อน