บำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED ดีอย่างไร เหมาะกับใคร ทำกี่ครั้งจึงเห็นผล?

พญาไท 3

2 นาที

จ. 23/05/2022

แชร์


Loading...
บำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED ดีอย่างไร เหมาะกับใคร ทำกี่ครั้งจึงเห็นผล?

การฉายแสง LED เป็นเทคโนโลยีความงามที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะสามารถช่วยดูแล ฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย รักษาสิว และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย ทั้งยังสะดวกและปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน ไม่ก่อให้เกิดรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จสามารถออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

 

การฉายแสง LED เพื่อบำบัดผิว จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิวพรรณ แต่เนื่องจากแสง LED นั้นมีหลายสี เช่น สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีแดง หลายคนอาจสงสัยว่าแต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร? ช่วยอะไรได้บ้าง? เหมาะกับใคร? และคงมีอีกหลายคำถามที่คนอยากบำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED อยากรู้ ก็สามารถติดตามอ่านได้ในบทความนี้

สารบัญ ฉายแสง LED บำบัดผิว

  1. การฉายแสง LED บำบัดผิวคืออะไร?
  2. แสง LED มีกี่สี แต่ละสีมีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร?
    • แสงสีฟ้า (Blue light ) เหมาะกับใคร?
    • แสงสีเขียว (Green light) เหมาะกับใคร?
    • แสงสีเหลือง (Yellow light) เหมาะกับใคร?
    • แสงสีแดง (Red light ) เหมาะกับใคร?
  3. รักษาผิวด้วยแสง LED ต่างจากรักษาด้วยเลเซอร์อย่างไร?
  4. ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
  5. การเตรียมตัวก่อนและหลังเข้ารับการฉายแสง
  6. บำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED กู้ผิวหน้า ที่ รพ.พญาไท 3 ดีอย่างไร?

การฉายแสง LED บำบัดผิวคืออะไร?

การฉายแสง LED (Light-Emitting Diode) คือ เทคโนโลยีที่ช่วยดูแลผิวพรรณ โดยใช้ความเข้มแสงสูงมากพอในระดับ จูลล์/ตารางเซนติเมตร และจะต้องมีค่าความสว่าง (Milicandela Rating) ในอัตราที่สูง จึงจะสามารถทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิวได้ โดยแสงที่ใช้รักษาจะมีหลายสี ซึ่งแสงแต่ละสีจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อบำบัดผิว แก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป

แสง LED มีกี่สี แต่ละสีมีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร?

การฉายแสง LED ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 4 สี ประกอบด้วย สีฟ้า สีแดง สีเขียว และสีเหลือง โดยในการบำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED จะฉายแสง LED เพียงสีเดียว หรือ 2 สีก็ได้ ซึ่งแพทย์จะประเมินจากปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลก่อน

สี แสงความยาวคลื่น คุณสมบัติ
 แสงสีฟ้า (Blue light) 470 นาโนเมตร ฆ่าเชื้อสิว P.Acne

ลดการอักเสบ

แสงสีเขียว (Green light) 525 นาโนเมตร รักษาอาการแพ้ต่าง ๆ

ลดการทำงานของเม็ดสีผิว

แสงสีเหลือง (Yellow light) 590 นาโนเมตร กระตุ้นระบบไหลเวียนน้ำเหลือง

ลดการทำงานของเม็ดสีผิว

แสงสีแดง (Red light) 640 นาโนเมตร กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ

แสงสีฟ้า (Blue light)

แสงสีฟ้า มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสิวและลดการอักเสบ ทั้งสิวอักเสบ สิวที่เกิดจากสารสเตียรอยด์ สิวจากอาการแพ้ต่างๆ โดยจะเข้าไปทำการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เรียกว่า P.Acne (Propionibacterium acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ทำให้ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขนผลิตน้ำมันน้อยลง จึงลดความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดสิวอุดตันได้

  • เหมาะกับคนที่มีสิวอักเสบจำนวนมาก และไม่ต้องการใช้ยาแบบรับประทาน หรือคนที่สิวหายยากจากการดื้อยา

แสงสีเขียว (Green light)

แสงสีเขียว มีคุณสมบัติในการรักษารอยดำ ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ปรับสีผิวให้กระจ่างใส เช่นเดียวกับแสงสีเหลือง แต่จะนิยมใช้ลดรอยดำมากกว่า ทั้งยังช่วยรักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้ด้วย

  • เหมาะกับคนที่มีปัญหารอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ผิวหมองคล้ำ

แสงสีเหลือง (Yellow light)

แสงสีเหลือง มีคุณสมบัติในการลดเลือนฝ้า กระ ลดการสร้างเม็ดสี ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส รักษาเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง และช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองและระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น

  • เหมาะกับคนที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ

แสงสีแดง (Red light)

แสงสีแดง มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นเซลล์ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า ปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟู และลดการอักเสบของผิว แพทย์อาจแนะนำให้ฉายแสง LED สีฟ้าที่ช่วยรักษาสิวร่วมด้วย ในเคสที่มีการกดสิว โดยแสง LED สีแดงจะช่วยทำให้ผิวบริเวณที่มีการกดสิวแข็งแรงขึ้น และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น

  • เหมาะกับคนต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ผิวแข็งแรง ลดปัญหาสิวเกิดใหม่

รักษาผิวด้วยแสง LED ต่างจากรักษาด้วยเลเซอร์อย่างไร?

การรักษาผิวด้วยแสง LED และเลเซอร์มีความแตกต่างกัน โดยการฉายแสง LED เปรียบได้กับเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ มีความปลอดภัย ไม่มีอาการแสบร้อนหรืออาการปวด ไม่ทําให้ผิวไหม้ หรือผิวบาง

 

ขณะที่การทำเลเซอร์ผิวหนังจะใช้คลื่นแสงที่มีพลังงานเข้มข้นสูง มีจุดโฟกัสที่แม่นยำ ซึ่งปัจจุบันการทำเลเซอร์ผิวมีหลากหลายรูปแบบ เหมาะกับการนำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป เช่น ปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น ลดรอยดำ ริ้วรอยบนใบหน้า รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ หลุมสิว โดยจำนวนครั้ง ความถี่ และผลของการรักษาจะแตกต่างกันไปตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

 

เนื่องจากใช้พลังงานความเข้มข้นสูง จึงอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น แสบร้อนผิว ปวดบวม รอยแดง ระคายเคือง หรือผิวลอก ผิวไวต่อแดดมากกว่าปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองแต่ต้องใช้เวลา ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของเลเซอร์ที่ยิงเข้าไป และการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์

ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

ผลการรักษาขึ้นอยู่กับระยะเวลา และความสม่ำเสมอในการรักษา ควรทำต่อเนื่องกัน 4-8 สัปดาห์ขึ้นไป แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากปัญหาผิวและสภาพผิวของที่เป็นอยู่ของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นผลเมื่อรับการรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เช่น ในกรณีสิวอักเสบ พบว่าสิวอักเสบค่อยๆ ยุบตัวลง ใบหน้ามีความมันน้อยลง รอยสิวดูจางลง

การเตรียมตัวก่อนและหลังเข้ารับการฉายแสง LED

ก่อนเข้ารับการฉายแสง LED

3 วัน ก่อนรับบริการ

  • งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging
  • งดแวกซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะทำอย่างน้อย

24 ชั่วโมง ก่อนรับบริการ

  • งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • งดกิจกรรมที่ส่งผลให้เลือดสูบฉีดไหลเวียนมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า

หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการบำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED

หลังเข้ารับการฉายแสง LED

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • งดอาบแดด ซาวน่า ถูกแสงแดดหรือความร้อนจัด
  • ใช้โฟมล้างหน้าหรือคลีนซิ่งที่อ่อนโยนต่อผิว
  • ไม่ควรล้างหน้าโดยการถูแรงๆ เพื่อป้องกันผิวเกิดการระคายเคือง
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
  • งดใช้ครีมมีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี หรือครีมกลุ่ม AHA

บำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED กู้ผิวหน้าที่ รพ.พญาไท 3 ดีอย่างไร?

  • เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ เปิดให้บริการมากว่า 25 ปี
  • มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง (Dermatologist) ที่มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษา
  • ให้การดูแลบำบัดผิวด้วยเทคโนโลยีการฉายแสง LED ที่ทันสมัย คำนึงถึงความปลอดภัย
  • วิเคราะห์และประเมินปัญหาผิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ
  • สามารถแก้ไขปัญหาของแต่ละบุคคลได้ตรงจุด ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ
  • มั่นใจได้ทั้งผลลัพธ์และความปลอดภัย เมื่อบำบัดผิวด้วยการฉายแสง LED ที่ รพ.พญาไท 3

 

การฉายแสง LED บำบัดผิว ด้วยแสงสีต่าง ๆ เช่น แสงสีฟ้า แสงสีเขียว แสงสีเหลือง และแสงสีแดง มีคุณสมบัติเด่นในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหาสิว รอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ผิวหมองคล้ำ  ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว เห็นผลผลชัดเจนตามระยะเวลา ความสม่ำเสมอในการทำ และการดูแลตัวเองหลังทำ


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...