ผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียง Phono ปรับผิวนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมยกกระชับ ดีไหม เหมาะกับใคร?

พญาไท 3

2 นาที

พ. 25/05/2022

แชร์


Loading...
ผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียง Phono ปรับผิวนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมยกกระชับ ดีไหม เหมาะกับใคร?

ในปัจจุบันมีการบำรุงผิวหลายวิธี ตั้งแต่การทาครีม การฉีดวิตามิน การฉีดสารบำรุงต่างๆ รวมไปถึงการทำโฟโน (Phono) ซึ่งเป็นเทคนิคการผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผิว และต้องการวิธีฟื้นฟูผิวที่มากกว่าการทาครีมทั่วไป แต่ไม่อยากฉีดหรือกลัวเจ็บ ในวันนี้เราจะพาไปรู้จักการทำโฟโน ว่าคืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไร ปลอดภัยไหม และต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน?

สารบัญ ผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียง Phono

  1. โฟโน (Phono Treatment ) คืออะไร?
  2. กระบวนการทำงานของ Phono
  3. การทำโฟโน (Phono) เหมาะกับใคร?
  4. ข้อดี-ข้อเสียการทำ โฟโน
  5. การทำโฟโน (Phono) อันตรายไหม?
  6. ข้อปฏิบัติตัวก่อน-หลังรักษา
  7. ขั้นตอนทำโฟโน (Phono) เป็นอย่างไร?
  8. ทำโฟโน (Phono) กี่ครั้งเห็นผล?
  9. ทำโฟโน (Phono) ต่างจากการทำ ไอออนโต (Ionto)อย่างไร?
  10. ทำโฟโน (Phono) เจ็บไหม?

โฟโน (Phono Treatment) คืออะไร?

โฟโน (Phono) หรือ โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) คือ เครื่องนวดขนาดเล็กที่ผลิตจากสแตนเลส ด้านในบรรจุคริสตัล (ไม่ทำให้ผิวเกิดการแพ้) การทำงานของเครื่อง จะมีการส่งคลื่นเหนือเสียง Ultrasonic Wave  0.8-1 เมกะเฮิรตซ์ ที่ช่วยผลักยาหรือวิตามิน เช่น วิตามินซี คอลลาเจน Whitening cream สารต้านอนุมูลอิสระ ให้ซึมผ่านชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นผลอย่างชัดเจนต่อผิว และช่วยฟื้นบำรุงผิวได้มากกว่าการทาครีมแบบธรรมดาทั่วไป

กระบวนการทำงานของ Phono

กระบวนการทำงานของ Phono เหมือนเป็นทางลัดในการนำสารบำรุงต่างๆ ให้ซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดีมากขึ้น เร็วมากขึ้น โดยทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง ช่วยให้สารบำรุงสำคัญจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแทรกซึมลงสู่ชั้นผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทาครีมแบบปกติตัวครีมจะอยู่แค่ที่ผิวชั้นนอก การทำโฟโนจึงเน้นที่การบำรุงเซลล์เป็นหลักโดยใช้คลื่นเสียงเป็นตัวกลาง

 

นอกจากนี้ คลื่นเสียงความถี่สูงยังทำให้เนื้อเยื่อชั้นลึกเกิดความร้อน เกิดการสั้นสะเทือนในระดับเซลล์ผิว ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ขับของเสียออกจากเซลล์โดยระบบน้ำเหลือง จึงช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับผิว ทำให้ใบหน้ากระจ่างใส ลดการเกิดสิว ผดผื่น รวมไปถึงช่วยขจัดความหมองคล้ำบนใบหน้าได้

การทำโฟโน (Phono) เหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยไม่มาก
  2. ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ขาดความชุ่มชื้น
  3. ผู้ที่มีรอยคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา ถุงใต้ตา
  4. ผู้ที่ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี ผิวหน้าหมองคล้ำ
  5. ผู้ที่เป็นสิว ผดผื่น มีรอยดำ รอยแดงจากสิว

ข้อดีและข้อจำกัดในการทำโฟโน

แม้ว่าการทำโฟโน จะมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือระคายเคือง แต่ก็มีข้อดีและข้อจำกัด ที่ควรทราบ ดังนี้

ข้อดีของการทำโฟโน

  • ช่วยผลักวิตามินให้ซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้มากกว่าการทาครีมตามปกติ ทำให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่ และใช้สารบำรุงได้หลากหลายตามลักษณะปัญหาของแต่ละคน
  • ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องพักฟื้น มีความปลอดภัยสูง
  • ช่วยให้ผิวหน้า เนียนนุ่ม สดใส ชะลอการเกิดริ้วรอยจากวัยและแสงแดด
  • ช่วยลดการบวม หรือรอยคล้ำดำรอบดวงตาได้อย่างเห็นผล
  • ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และน้ำเหลืองของใบหน้า

ข้อจำกัดของการทำโฟโน

  • การที่วิตามินหรือสารบำรุงผิวต่างๆ จะซึมผ่านผิวได้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทำ ความแรง และความถี่ของคลื่นเสียงที่ใช้ ควรเลือกทำกับแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
  • ไม่สามารถรักษารอยได้ทุกชนิด เช่น กระ ฝ้า ต้องใช้เครื่องมือหรือเลเซอร์อื่นๆ ร่วมด้วย
  • มีข้อห้ามใช้ในผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ (Cardiac pacemaker) ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาตัวที่จะนำมาทำไอออนโตโฟเรซิส หรือโฟโนโฟเรซิส ผู้ที่มีบาดแผล หรือติดเชื้อบริเวณผิวหนัง

การทำโฟโน (Phono) อันตรายไหม?

การทำโฟโน (Phono) เป็นการใช้คลื่นเสียงที่ปลอดภัย และใช้อุปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หากทำทำโฟโนกับแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีขั้นตอนและกระบวนการทำที่ถูกต้อง จะมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ในการผลักวิตามินแน่นอน แต่หากทำกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ ไม่ได้ทำในสถานพยาบาล จะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ เช่น หน้าไหม้ เป็นผื่นแดง ผิวอักเสบ

ขั้นตอนทำโฟโน (Phono) เป็นอย่างไร?

  1. ปรึกษาแพทย์ถึงปัญหา และให้ประเมินสภาพผิว
  2. ก่อนทำโฟโนจะมีการลบเครื่องสำอาง และทำความสะอาดผิวหน้า
  3. แพทย์จะทายาหรือวิตามินลงบนผิวหน้าบริเวณที่ต้องการผลักวิตามิน
  4. ใช้เครื่องมือโฟโนค่อยๆ นวดคลึงให้ทั่วใบหน้า ปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงที่ทำให้ตัวยาและวิตามินซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปฏิบัติตัวก่อน-หลังรักษา

เพื่อให้การผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียง Phono เห็นผลลัพธ์ที่ดี และมีความปลอดภัย ควรเตรียมตัวก่อนทำ และดูแลตัวเองหลังทำ ดังนี้

การปฏิบัติตัวก่อนทำโฟโน

  1. ศึกษาข้อมูล และปรึกษาแพทย์ถึงข้อดี-ข้อจำกัด ก่อนทำโฟโน
  2. พบแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวหน้าและรับคำแนะนำต่างๆ
  3. ไม่ควรแต่งหน้ามาในวันที่ทำโฟโน หรือหากแต่งมาจะมีการลบเครื่องสำอางออกก่อนทำ
  4. พักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการผลักวิตามิน

การปฏิบัติตัวหลังทำโฟโน

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำโฟโน
  2. ทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุกครั้งที่ต้องเจอแดด
  3. ใช้สบู่อ่อนๆ ที่ถนอมผิว รักษาความสะอาดของผิวอย่างสม่ำเสมอ
  4. ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เช่น ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินเอ เช่น มะละกอ แอปเปิ้ล
  5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น

ทำโฟโน (Phono) กี่ครั้งจึงเห็นผล?

หลังทำโฟโนครั้งแรกอาจจะไม่เห็นผลภายนอกได้ชัดเจน แต่สามารถรู้สึกได้ว่าผิวใส และนุ่มเนียนขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน สำหรับคนที่มีปัญหาไม่มาก อาจทำให้เห็นผลชัดเจนกว่า และในช่วงแรก ให้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ เมื่อผิวเริ่มดีแล้วก็สามารถเว้นระยะการทำได้ตามความเหมาะสม

ทำโฟโน (Phono) ต่างจากการทำ ไอออนโต (Ionto) อย่างไร?

ไอออนโต (Ionto) หรือ ไออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) เป็นเครื่องมือที่มีวัตถุประสงค์และหลักการทำงานคล้ายกับโฟโน (Phono) คือ ใช้เครื่องเพื่อนำพาตัวยาหรือวิตามินเข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพียงแต่มีตัวกลางในการผลักยาที่แตกต่างกัน

 

เครื่องไอออนโต จะใช้วิธีการส่งผ่านประจุ หรือไอออนของตัวยาที่สามารถแตกตัวได้ เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังโดยการใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณต่ำเพื่อส่งแรงสั่นสะเทือนไปที่ผิว ช่วยให้รูขุมขนบนผิวหนังกว้างขึ้น ทำให้ตัวยาซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ การทำโฟโน (Phono) และ การทำไอออนโต (Ionto) เป็นการให้ความร้อนกับเนื้อเยื่อซึ่งอยู่ในชั้นลึก กล้ามเนื้อกระดูก เส้นเอ็น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น

ทำโฟโน (Phono) เจ็บไหม?

ทำโฟโน (Phono) ไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกเหมือนการนวดหน้า อาจจะอุ่นเล็กน้อยที่ผิว ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ ซึ่งการผลักวิตามินขึ้นอยู่กับความถี่ของคลื่นเสียง ไม่เกี่ยวกับความร้อน บางคนทำอาจไม่รู้สึกร้อนเลยขึ้นอยู่กับการปรับระดับพลังงาน แต่ไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการผลักวิตามิน

 

การผลักวิตามินด้วยคลื่นเสียง Phono นั้นมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง จึงถือเป็นทางเลือกในการบำรุงผิวที่ได้รับความนิยม เพราะได้ผลดีกว่าการทาครีมทั่วไป ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ยกกระชับขึ้น รวมไปถึงช่วยลดสิวและผดผื่นต่างๆ ทั้งนี้ ควรทำโฟโนกับแพทย์ที่มีความชำนาญในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...