เรามองเห็นสิ่งต่างๆ และสามารถส่งผ่านความรู้สึกออกมาได้ทาง “ดวงตา” โดยผ่านจอแก้วใสๆ ที่เรียกว่า “เยื่อบุตา” แต่หากเยื่อบุตาเกิดความเสียหาย โลกที่คุณเคยเห็นก็อาจเปลี่ยนไปและไร้ความสุข
ต้อลมและต้อเนื้อ คืออะไร?
- ต้อลม (Pinguecula)
เป็นโรคทางดวงตาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเนื้อเยื่อปกติกลายเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่เยื่อบุตาขาว โดยมีลักษณะเป็นตุ่มนูนหรือแผ่นบางๆ สีหลือง มักพบอยู่บริเวณตาขาวที่ใกล้กระจกตาตรงส่วนหัวตามากกว่าหางตา ต้อลมสามารถเจริญเติบโตจนแทรกเข้าไปสู่กระจกตาได้ ในกรณีที่เกิดการลุกลามเข้าไปในกระจกตาจะถูกเรียกว่า โรคต้อเนื้อ - ต้อเนื้อ (Pterygium)
เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเป็นต้อลม มักพบเป็นแผ่นเนื้อสีขาวเหลืองหรือสีชมพู รูปทรงคล้ายสามเหลี่ยม เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุตายื่นเข้าไปในตาดำ หากต้อเนื้อมีขนาดใหญ่จนเข้าไปบังตาดำจะส่งผลต่อการมองเห็น ก็มักจำเป็นต้องผ่าตัดออก
แสงร้าย…ทำลาย “ดวงตา”
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดต้อลมและต้อเนื้อ นั่นคือ แสงอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นส่วนประกอบในแสงแดด หรือแสงจากหลอดไฟบางชนิด โรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักพบมากในผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ รวมถึงผู้ที่มักใช้ชีวิตประจำวันหรือชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งด้วยเช่นกัน
อาการ “ต้อลมและต้อเนื้อ”
ในระยะเริ่มต้นของ “โรคต้อลมและต้อเนื้อ” ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใดๆ เพียงแต่จะเห็นเป็นเนื้อเยื่อผิดปกติบริเวณเยื่อบุตาขาวเท่านั้น แต่หากมีการอักเสบหรือเป็นมากขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บตา เคืองตา คันตา แสบตา น้ำตาไหล ตาแดงขึ้น ในบางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีเศษผงอยู่ในตา และหากต้องเจอลมแรง เผชิญฝุ่น ควัน ทรายเป็นประจำ จะยิ่งทำให้ต้อลมและต้อเนื้อมีการอักเสบมากขึ้น
หาก “ต้อเนื้อ” เกิดอาการรุนแรงขึ้นจนลามเข้าไปใกล้กลางกระจกตา จะมีการรั้งดึงกระจกตา ทำให้ความโค้งของกระจกตาเปลี่ยนไป อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการตามัวและอาจเกิดภาวะสายตาเอียงได้
เลือกวิธีรักษา…ที่เหมาะกับระดับของโรค
แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาให้เหมาะกับระดับความรุนแรงของโรค
- หากโรคไม่รุนแรง ต้อมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยไม่มีอาการระคายเคือง และการมองเห็นยังเป็นปกติ อาจไม่จำเป็นต้องให้การรักษา แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นมากขึ้น โดยปกป้องดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ต้อรุนแรงและลุกลามมากยิ่งขึ้น
- หากมีอาการอักเสบ เคืองตา ตาแดง แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการอักเสบ
- สำหรับต้อเนื้อ ที่เนื้อเยื่อเข้าไปจนถึงกลางกระจกตาจนบดบังการมองเห็น แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดลอกต้อเนื้อออกจากเยื่อตาและผิวกระจกตา ปัจจุบันแพทย์มักผ่าตัดและวางเนื้อเยื่อใหม่ (graft) ซึ่งอาจเป็นเยื่อบุตาขาวของผู้ป่วย หรือใช้เยื่อหุ้มรกที่มีการเตรียมไว้เป็นพิเศษจากสภากาชาดไทย เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ
ป้องกันไว้…ย่อมดีกว่า
อาจมีหลายคนที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง และเผชิญแสงแดดเป็นประจำ จึงทำให้มีโอกาสสูงที่จะเป็นต้อลมและต้อเนื้อ แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงได้เพียงแค่คุณปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ ดังนี้
- ควรสวมหมวกและสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์กรองรังสีอัลตราไวโอเลตทุกครั้งที่ออกกลางแจ้ง แม้ไม่มีแสงแดดก็ควรสวมแว่นเพื่อกันลมและฝุ่น
- หลีกเลี่ยงแอร์ หรือพัดลม อย่าให้เป่าเข้าใบหน้าโดยตรง
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน อากาศแห้ง ลม เนื่องจากจะทำให้ดวงตาระคายเคือง อักเสบ และแดงได้ง่าย
- ในกรณีที่เป็นต้อลมหรือต้อเนื้ออยู่แล้ว ควรหมั่นสังเกตสี รูปร่าง และขนาดของต้อเป็นประจำ หากมีการเปลี่ยนแปลงควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์
- แม้จะลอกต้อเนื้อแล้วก็ควรระวังด้วยการหลีกเลี่ยงแสง UV เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
อย่าคิดว่าประสิทธิภาพในการมองเห็นของคุณที่ถดถอยลงเป็นเรื่องปกติ หรือคิดว่าเป็นไปเพราะเงื่อนไขของเวลาและอายุ เพราะบางครั้งปัญหาการมองเห็นของคุณอาจมาจากสาเหตุอื่นๆ ก็ได้ ควรหมั่นดูแลและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ หรือหากพบความผิดปกติควรรีบมาพบจักษุแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ วินิจฉัย และรักษาให้ตรงอาการ
อย่าลืมให้ความสำคัญของการดูแลสุขภาพ “ดวงตา”
เพื่อที่คุณจะได้มองเห็นโลกนี้ได้อย่างสดใสเต็มตา…ไปอีกนานๆ