มีหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนรักไปด้วย “โรคมะเร็งปอด” เพราะเป็นโรคที่มักจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะอยู่ในระยะที่ค่อนข้างรุนแรงแล้ว ฉะนั้นเราทุกคนจึงควรสังเกตอาการของตัวเองและคนในครอบครัว ว่ามีความปกติใดๆ บ้างหรือไม่ เพราะ “มะเร็งปอด” หากตรวจพบเร็วในระยะเริ่มต้น โอกาสรักษาให้หายก็มีมาก
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค “มะเร็งปอด”
“มะเร็งปอด” เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวของปอดที่ผิดปกติ มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถควบคุมได้ จนเกิดเป็นก้อนเนื้อร้าย ซึ่งสามารถลุกลามและกระจายไปอวัยวะอื่นๆ ได้ โดยโรคมะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer)
มะเร็งชนิดนี้พบได้ประมาณ 10-15% เซลล์จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างรวดเร็วเช่นกัน - มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer)
มะเร็งชนิดนี้พบได้ประมาณ 85-90% จะแพร่กระจายได้ช้ากว่าชนิดเซลล์เล็ก และหากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ สามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัด
ระยะของมะเร็งปอด
ระยะของมะเร็งปอดมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษา ซึ่งระยะของมะเร็งปอดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งด้วยเช่นกัน
ระยะของมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก มี 2 ระยะ
- ระยะที่ 1 ระยะจำกัด (Limited Stage) พบเซลล์มะเร็งอยู่ในปอด 1 ข้าง และต่อมน้ำเหลืองข้างเดียวเท่านั้น
- ระยะที่ 2 ระยะลุกลาม (Extensive Stage) เซลล์มะเร็งกระจายออกนอกบริเวณช่องทรวงอกข้างนั้น หรือกระจายสู่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย
ระยะของมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก มี 4 ระยะ
- ระยะที่ 1 : เป็นระยะที่พบว่ามีก้อนบางอย่างอยู่ในปอด ในระยะแรกนี้ผู้ป่วยมักไม่แสดงความผิดปกติออกมา
- ระยะที่ 2 : พบมะเร็งแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด โดยในระยะที่ 1 และ 2 เป็นระยะที่สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดนำก้อนเนื้อออกจากร่างกาย
- ระยะที่ 3 : พบมะเร็งแพร่กระจายไปที่ปอดกลีบอื่นๆ หรือลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองที่กลางช่องอก หรือไกลออกไปจากช่องอกข้างนั้นๆ
- ระยะที่ 4 : เป็นระยะที่มะเร็งกระจายตัวไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอ ตับ กระดูก ต่อมหมวกไตและสมอง เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยง…“มะเร็งปอด”
พฤติกรรมในการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมรอบตัว ล้วนส่งผลต่อการเกิด “โรคมะเร็งปอด” ได้ทั้งสิ้น
- การสูบบุหรี่
เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย เพราะในบุหรี่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง ทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 เท่า - ควันบุหรี่มือสอง
แม้จะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่การได้รับควันบุหรี่จากคนรอบข้างที่สูบ ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งปอดได้เช่นกัน - สารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม
ผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม อาจได้รับสารก่อมะเร็งเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว เช่น โครเมียม แร่ใยหิน แร่เรดอน นิกเกิล เป็นต้น - มลภาวะที่เป็นพิษ
จากการศึกษาพบว่า ฝุ่น PM2.5 ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้มากถึง 1-1.4 เท่า ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงไม่น้อยเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ - พันธุกรรม
แม้โรคมะเร็งปอดจะไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง แต่หากมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งปอดตั้งแต่อายุน้อยๆ สมาชิกในครอบครัวก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
อาการแสดง…เมื่อโรคลุกลาม
ในระยะแรกของโรคมะเร็งปอด ผู้ป่วยมักไม่ค่อยแสดงอาการมากนัก แต่จะมีอาการที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคเมื่อโรคเริ่มลุกลามมากขึ้น ดังนี้
- ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด
- หายใจลำบาก หายใจเหนื่อยหอบ
- หายใจสั้น หายใจมีเสียงหวีด
- เจ็บหน้าอกเวลาหายใจ
- เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน
- ปอดติดเชื้อได้ง่าย
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ และเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
หากสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งปอด แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีต่างๆ เช่น การเอกซเรย์ปอด (X-ray), การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan), การส่องกล้องลอดลมปอด (Bronchoscopy), การตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ (Biopsy), การตรวจคัดกรองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-Dose CT chest), การส่องกล้องในช่องกลางทรวงอก (Mediastinoscopy) ตามความจำเป็น
เราทุกคนควรใส่ใจสุขภาพและหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อคุณและคนที่คุณรักจะได้ใช้เวลาที่มีความสุขร่วมกันยาวนานขึ้น… แม้ว่า “โรคมะเร็งปอด” จะไม่สามารถแพร่เชื้อทำร้ายปอดสู่คนในครอบครัวได้ แต่โรคนี้หากรู้ช้าหรือรักษาไม่ทันท่วงที อาจทำร้ายหัวใจของคนในครอบครัวได้ไม่ยาก…
นพ. ศุภชาติ ชมภูนุช
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา
ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์