“น้ำในหูไม่เท่ากัน” ที่มาของอาการเวียนหัว...บ้านหมุน

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

04/07/2022

แชร์


“น้ำในหูไม่เท่ากัน” ที่มาของอาการเวียนหัว...บ้านหมุน

รู้หรือไม่ว่า “อาการบ้านหมุน” หรือ “เวียนหัวบ้านหมุน” ที่หลายคนเคยได้ยิน หรือบางคนเคยเป็น คือหนึ่งในอาการของโรค “น้ำในหูไม่เท่ากัน” บางคนอาจแค่นั่งพักอาการนี้ก็หายไป แต่บางคนอาจเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและมีอาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าอาการที่เป็นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันก็อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด จะเป็นการดีที่สุด

 

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน…คืออะไร?

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือ โรคความดันน้ำในหูไม่เท่ากัน มีชื่อว่าในทางการแพทย์ว่า โรคเมเนียร์ (Meniere’s disease) พบมากในผู้ที่มีอายุ 30-60 ปี ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในที่มีภาวะความดันน้ำในหูชั้นในที่เรียกว่า Endolymph มากผิดปกติ ส่งผลให้หูขั้นในที่มีหน้าที่ในการรับเสียง และควบคุมการทรงตัวทำงานผิดปกติ จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ สูญเสียการได้ยิน และรู้สึกถึงแรงดันภายในหู เป็นต้น

 

สาเหตุที่ทำให้เป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”

ปัจจุบันยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” เกิดจากสาเหตุใด แต่มีหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการเกิดโรค เช่น

  • กรรมพันธุ์
    พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเป็นไมเกรน หรือมีโครงสร้างหูชั้นในผิดปกติ
  • การติดเชื้อไวรัส
    หูชั้นกลาง หูชั้นในเกิดการอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • เป็นโรคต่างๆ
    โรคภูมิแพ้ โรคซิฟิลิส โรคหูน้ำหนวก โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และไขมันในเลือดสูง
  • ฮอร์โมน
    มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน รวมถึงการมีประจำเดือน
  • พฤติกรรม
    การพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด สูบบุหรี่ รวมถึงการรับประทานอาหารโซเดียมสูง และอาหารรสเค็มจัด
  • สภาพแวดล้อม
    อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอึกทึกมากๆ

 

อาการที่เกิดจาก “น้ำในหูไม่เท่ากัน”

โรคน้ำในหูไม่เท่ากันส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัว และการได้ยิน จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้

  • เวียนศีรษะอย่างรุนแรง รู้สึกบ้านหมุน โดยมีอาการอยู่นาน อาจจะเป็นชั่วโมง ซึ่งอาการจะมาๆ หายๆ
  • บางครั้งจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับการสูญเสียสมดุลของร่างกาย จึงทำให้เซล้มได้ง่าย
  • หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด รู้สึกแน่นในหูเป็นๆ หายๆ การได้ยินบางครั้งดีขึ้น บางครั้งก็แย่ลง
  • มีเสียงดังในหู อาจเป็นเสียงวี้ดๆ มีอาการหนักๆ หน่วงๆ ในหู คล้ายมีแรงดันในหู

 

น้ำในหูไม่เท่ากัน…มีวิธีรักษาอย่างไร ?

แพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ตรวจและรักษาผู้ป่วยตามอาการของโรคที่ประเมินได้ในแต่ละราย เช่น

  • ปรับพฤติกรรม
    หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย และพยายามคลายความวิตกกังวล
  • การรับประทานยา
    เป็นการบรรเทาอาการ เช่น การทานยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวม และการคั่งของน้ำในหูชั้นใน รวมทั้งยาขยายหลอดเลือดจะช่วยให้การไหลเวียนของน้ำในหูดีขึ้น ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ตลอดจนยากล่อมประสาทและยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • การฉีดยา
    แพทย์จะทำการฉีดยาเข้าไปที่หูชั้นในโดยตรง เพื่อทำลายเซลล์ที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และเมื่อเซลล์ตายอาการดังกล่าวจะหายไป โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดรักษา
  • การผ่าตัด
    ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะไม่หาย มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อระบายน้ำที่คั่งอยู่ในหูชั้นในออก

 

ควรทำอย่างไร?…เมื่อป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

เมื่อคุณกำลังเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” คุณต้องดูแลตัวเองและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกหมู่
  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีเสียงรบกวนในหูขณะนอนหลับ ให้เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อกลบเสียงนั้น
  • พยายามหากิจกรรมเพื่อคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล
  • หากผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะกะทันหัน ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือการปีนป่ายที่สูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเสี่ยงอันตรายได้

หากไม่อยากเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” เราต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพให้มากขึ้น จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ กับคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวเพื่อเติมความสุขความสดใสให้สุขภาพใจ เมื่อร่างกายเราแข็งแรง…ใจของเราแข็งแกร่ง โรคใดๆ ก็ยากที่จะเข้ามากล้ำกรายได้

 

หากคุณกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองหรือคนที่คุณรัก? วางแผนล่วงหน้าด้วยแผนประกันสุขภาพ คุณจะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุม ทั้งค่ารักษาพยาบาล (กรณีป่วยแอดมิทเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล) ค่าห้อง ค่าบริการทางการแพทย์และค่ายา การมีประกันสุขภาพสามารถช่วยให้การจัดการกับผลข้างเคียงราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แล้วคุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและสบายใจทุกวัน

 

หากสนใจศึกษาข้อมูลการวางแผนทำประกันสุขภาพ แผน Exclusive Care @ BDMS สามารถโทรปรึกษาฟรีได้ทันที 02-822-1155 หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Allianz Ayudhya

 


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...