รู้ไหม? อากาศยิ่งร้อน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพปอด

พญาไท 3

2 นาที

พฤ. 14/07/2022

แชร์


Loading...
รู้ไหม? อากาศยิ่งร้อน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพปอด

แม้เราจะทราบกันดีว่า ประเทศไทยอยู่ในเขตเมืองร้อน แต่พอถึงหน้าร้อนทีไรก็ไม่รู้สึกชินสักที แล้วรู้หรือไม่ว่า… นอกจากความร้อนจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หงุดหงิดรำคาญใจ และทำลายความสุขในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วยนะ เช่น ทำให้เสี่ยงต่อการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เป็นลมจนเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพปอดของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ป่วยเป็นโรคปอดอยู่แล้วและกับผู้สูงอายุด้วย เราจึงควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้ผู้ที่เป็นโรคปอดมีอาการกำเริบได้ง่ายจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

อากาศร้อนๆ สัมพันธ์กับสุขภาพปอดอย่างไร?
จริงๆ แล้วอากาศร้อนไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพปอดอย่างเดียว แต่ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะในร่างกายของคนเราทั้งหมด เพราะเมื่ออากาศร้อนขึ้น ร่างกายก็จะทำงานหนักขึ้น มีการเสียน้ำ เสียเหงื่อ และเสียเกลือแร่มากขึ้น ทำให้ทั้งปอด หัวใจ ผิวหนัง ความดันโลหิต เข้าสู่สภาวะตื่นตัว เราจึงหายใจเร็วขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น มากกว่าฤดูอื่นๆ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ร่างกายจะอ่อนเพลียได้ง่าย เหนื่อยเร็ว รู้สึกอยากพักจากการทำงานบ่อยๆ ยิ่งถ้าดื่มน้ำน้อย ทานอาหารไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายกว่าปกติ
          และอีกหนึ่งข้อสำคัญที่หน้าร้อนทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ ก็เพราะช่วงเวลากลางวันจะยาวนานกว่าปกติ สว่างเร็ว มืดช้า การนอนหลับพักผ่อนของคนเราจึงสั้นลง และเมื่อพักผ่อนไม่เต็มที่ ก็นำมาซึ่งการอ่อนแอของร่างกายนั่นเอง
          อย่างไรก็ตาม หากจะเจาะลึกถึงผลกระทบที่สภาพอากาศร้อนส่งผลต่อสุขภาพปอดโดยตรงนั้น ก็คือการทำให้โรคปอดทุกชนิดกำเริบได้ง่ายมากขึ้น เพราะพื้นฐานของคนที่เป็นโรคปอดจะไม่ชอบการหายใจแรงและเร็ว เพราะปอดจะทำงานหนักกว่าปกติ เปรียบไปแล้วปอดของคนที่เป็นโรคจะคล้ายกับแอร์เก่า ที่หน้าร้อนจะทำงานหนักมากกว่าปกติ ซึ่งพอทำงานหนัก ชิ้นส่วนต่างๆ ก็ชำรุดเสียหายหนักมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคปอด หรือผู้สูงอายุที่สภาพความสมบูรณ์ของปอดไม่เหมือนคนหนุ่มสาวหรือคนปกติ จึงมีโอกาสเสี่ยงอันตรายได้มากขึ้นจากการที่ปอดต้องทำงานหนักขึ้นเพราะอากาศร้อนมากเกินไปนั่นเอง

ผู้ป่วยโรคปอดกลุ่มไหน? เสี่ยงกำเริบง่ายในช่วงอากาศร้อนจัด
กลุ่มผู้ป่วยโรคปอดที่ควรเฝ้าระวังอาการและดูแลตัวเองให้ดีในช่วงหน้าร้อน หรืออากาศร้อนขึ้นนั้น ได้แก่

1.กลุ่มโรคอุดกั้นทางเดินหายใจ
หอบหืด ถุงลมโป่งพอง หลอดลมโป่งพอง ถือเป็นโรคในกลุ่มเดียวกัน คือโรคกลุ่มอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งปกติแล้วการหายใจของคนเรานั้น เมื่อหายใจเข้าหลอดลมจะขยาย และเวลาหายใจออกหลอดลมก็จะหดลง โดยคนที่เป็นโรคในกลุ่มอุดกั้นทางเดินหายใจ จะมีการหดตัวของหลอดลมที่เยอะกว่าคนปกติ ทำให้หายใจออกลำบาก เกิดลมคั่งค้างอยู่ข้างในปอด ดังนั้น การที่อากาศร้อนทำให้เราต้องหายใจเร็วขึ้นมากเท่าไร ก็จะยิ่งอันตราย เพราะจะเร่งให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเยอะแต่หายใจออกไม่ได้ จึงเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตจากการหายใจเร็วจนหายใจไม่ออกได้เลย

2.กลุ่มโรคพังผืดปอด
ผู้ป่วยโรคปอดกลุ่มนี้จะมีสภาพปอดที่ไม่สมบูรณ์ ใช้งานได้ไม่ 100% เต็ม เพราะถูกพังผืดรบกวน โดยปอดของผู้ป่วยอาจทำงานได้เพียงแค่ 50-60% เท่านั้น ทำให้โดยพื้นฐานแล้ว คนไข้กลุ่มนี้จะหายใจเร็วกว่าคนปกติอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเจอสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้น ก็จะทำให้ยิ่งหายใจเร็วขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก จนทำให้โรคกำเริบได้ง่าย และที่สำคัญคือ การหายใจเร็วจะเป็นการกระตุ้นให้มีการหลั่งสารอักเสบออกมาในปอดมากขึ้น จึงยิ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้โรคลุกลามหนักกว่าเดิม เหมือนเป็นการราดน้ำมันของบนกองเพลิง ปอดของคนไข้จะยิ่งมีสภาพที่ย่ำแย่ ทรุดหนักลงเร็วขึ้นจนอาจเป็นอันตรายได้

3.กลุ่มโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้หลอดลม ภูมิแพ้จมูก เป็นโรคที่สามารถเกิดการกำเริบ และมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยอาการแสดงที่พบได้ก็คือ คัดจมูก น้ำมูกไหล รู้สึกหนักหัว ทำให้คนไข้มีร่างกายอ่อนแอได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งหากไม่ได้เกิดอันตรายจากโรค ก็อาจเกิดอันตรายจากการประสบอุบัติเหตุเพราะร่างกายอ่อนแอลง

ดูแลตัวเองอย่างไร? ให้ปอดปลอดภัยจากอากาศร้อน
อากาศร้อนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเป็นเรื่องของฤดูกาล แต่เราก็สามารถดูแลตัวเองและคนใกล้ตัวที่เป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้ป่วยโรคปอด ให้ปลอดภัยจากอากาศร้อนได้ง่ายๆ ด้วยแนวทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

1.วางแผนกิจวัตรประจำวันให้หลีกเลี่ยงอากาศร้อน
สำหรับคนที่ต้องออกจากบ้าน ไปทำงาน ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น จ่ายตลาด ซื้อของ ทำธุระในหน้าร้อน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควรที่จะจัดตารางเวลาในการออกจากบ้านให้ดี ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แดดร้อนจัด ซึ่งบ้านเราจะเริ่มร้อนตั้งแต่ 8.30 น. ไปจนถึง 16.00 น. หรือบางวันห้าโมงเย็นก็ยังร้อนอยู่ โดยหากเป็นไปได้ ควรวางแผนการออกไปทำธุระจ่ายตลาดให้เสร็จก่อน 8 โมงเช้า และมาเริ่มอีกทีหลังห้าโมงเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับอากาศร้อน ที่อาจทำให้โรคปอดกำเริบ เหนื่อยง่ายจนเป็นอันตราย

2.เปิดแอร์ เปิดพัดลมเวลาอยู่ในบ้าน
แม้อาจจะรู้สึกว่าเปลืองไฟ แต่เพื่อป้องกันสุขภาพร่างกายให้ปลอดภัย สำหรับห้องที่ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคปอดอยู่ ก็ควรเปิดแอร์หรือพัดลมเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ระหว่าง 11 โมงถึงประมาณบ่าย 3 โมง ควรทำให้อุณหภูมิในห้องเย็นสู้กับอากาศร้อนได้ ทั้งนี้ หากไม่มีแอร์ ก็สามารถเปิดพัดลมร่วมกับการเปิดหน้าต่างให้ระบายลมร้อนภายในห้องได้ดีขึ้น 

3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
เพราะอากาศร้อน ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร แต่สำหรับผู้ป่วยที่คุณหมอให้มีการจำกัดการดื่มน้ำ ก็จำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอ ว่าสามารถดื่มได้มากน้อยเท่าไร และพยายามดื่มให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณหมออนุญาตให้ดื่มได้

4.ใช้ผ้าเย็นช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่หลายคนมองข้าม แต่ให้ผลดีต่อร่างกายอย่างมาก โดยหากรู้สึกร้อนจัด สำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ควรใช้ผ้าเย็นหรือน้ำแข็งเช็ดตามใบหน้าและลำคอเพื่อคลายความร้อน  เพราะบริเวณใบหน้ากับลำคอเพราะเป็นตำแหน่งที่เราจะรู้สึกร้อนได้มากที่สุด และทำให้เราคลายความอ่อนเพลียได้มากที่สุดเมื่อได้รับความเย็น

5.สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม
เมื่ออยู่ในบ้านควรเลือกใส่เสื้อผ้าบางๆ สั้นๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้รู้สึกว่าใส่สบายที่สุด เพราะจะช่วยคลายร้อนได้ดี ทำให้ไม่อึดอัด โดยถือเป็นเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วส่งผลต่อร่างกายอย่างมาก คือช่วยระบายความร้อน ลดความเสี่ยงจากการสะสมความร้อนได้ดี

6.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เสียเหงื่อ
โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคปอด ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เสียเหงื่อ ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น เช่น ทำงานบ้าน เก็บของ ตัดหญ้า ทำความสะอาดบ้าน หรือถ้าเลี่ยงได้ยาก ก็ควรกระจายงาน แบ่งกิจกรรมที่ต้องทำเป็นส่วนๆ อย่าทำทุกอย่างเสร็จในวันเดียวแบบหักโหมเกินไป

7.เตรียมยา เตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินให้พร้อม
สำหรับผู้ป่วยโรคปอดนั้น ในช่วงหน้าร้อนควรตรวจสอบดูยาให้มีเพียงพอพร้อมใช้อยู่เสมอ โดยเฉพาะยาฉุกเฉิน เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะตอนกลางคืน นอกจากนั้นแล้ว ทั้งผู้ป่วยและผู้สูงอายุควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ต้องทำตัวอย่างไร ต้องแจ้งใคร ควรไปโรงพยาบาลที่ไหนที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้สามารถได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งทางที่ดีที่สุดก็คือ ควรมีเบอร์โทรฉุกเฉินของโรงพยาบาล หรือคนใกล้ชิดติดไว้ให้เห็นเด่นชัด หาได้ง่าย ให้ผู้ป่วยและผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้ทันเมื่อเกิดเหตุ

ในหน้าร้อนนั้น สำหรับผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือคนหนุ่มสาว ความร้อนจะไม่ได้เสี่ยงทำอันตรายต่อสุขภาพปอดมากนัก เพราะร่างกายยังปรับสมดุลได้ดีเองตามธรรมชาติ แต่กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคปอดนั้นตรงกันข้ามเลย เพราะสุขภาพร่างกายและปอดเสื่อมสภาพไปมาก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายจากความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงต้องใส่ใจดูแลตัวเอง รวมถึงญาติสนิท คนใกล้ชิด ผู้ป่วยโรคปอดและผู้สูงอายุในบ้านเป็นพิเศษ จำเป็นต้องช่วยเป็นหูเป็นตา คอยดูแลเฝ้าระวังให้ดีเพื่อความปลอดภัย  
          ซึ่งหากพบเห็นอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย หายใจติดขัด หรือมีความผิดปกติใดๆ ก็ไม่ควรชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษา หาแนวทางในการดูแลให้เกิดความปลอดภัยให้ได้มากที่สุดจะดีกว่า

[base64_img]

นพ.วินัย โบเวจา
แพทย์หัวหน้าศูนย์สุขภาพปอด
อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ
และภาวะวิกฤตทางเดินหายใจ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คลิกนิกอายุรกรรม
โรงพยาบาลพญาไท 3 ชั้น 1 
โทร. 02-467-1111 ต่อ 3185-3186, 3133


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...