เมื่อผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือผมร่วงเฉพาะจุด ให้รีบรุดไปพบแพทย์

เมื่อผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือผมร่วงเฉพาะจุด ให้รีบรุดไปพบแพทย์

โรคอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ (Alopecia Areata) นั้น การร่วงของเส้นผมจะมีลักษณะเป็นวงกลมวงเดียวหรือหลายวงก็ได้ ในทางการแพทย์จะเรียกโรคนี้ว่า Alopecia Areata พบได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย โดยพบมากในวัย 20-40 ปี ซึ่งสาเหตุของการผมร่วงชนิดนี้ เกิดจากความแปรปรวนของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ไปทำลายรากผม และหยุดการเจริญของเส้นผมโดยไม่มีการอักเสบ

ส่วนปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคนี้ประกอบไปด้วย ความเครียด พันธุกรรม การพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่คนส่วนมากมักคิดว่าเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งไม่ใช่เลย! อาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ สามารถลุกลามเป็นจากวงเล็กกลายเป็นวงใหญ่ จนในที่สุดผมจะค่อยๆ ร่วงขยายวงจนผมร่วงหมดศีรษะได้ ทั้งยังอาจมีผลต่อการร่วงของขนคิ้ว ขนตา และหนวดเคราได้ด้วย ไม่ว่าจะในผู้หญิงหรือผู้ชาย

วิธีการรักษาผมร่วงเป็นหย่อมๆ

วิธีการรักษาผมร่วงเป็นหย่อมๆ คือ การกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่ ซึ่งการรักษาด้วยการใช้ยาจะให้ผลดีที่สุด แต่ต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าอาการผมร่วงจะดีขึ้น เพราะถ้าหากหยุดยาเร็วเกินไป ผมที่ขึ้นมาใหม่อาจร่วงหลุดไปได้เช่นกัน ส่วนยาที่นิยมใช้ในการรักษามีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่

1. ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและกดการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการใช้ทั้งในรูปของยาทาเฉพาะที่ ยากิน และยาฉีดเฉพาะที่ โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณที่มีผมร่วง สเตียรอยด์ที่นิยมใช้ได้แก่ Clobetasol หรือ Fluocinonide และที่อยู่ในรูปของยาทาหรือยาฉีดเฉพาะที่ ในรูปของยาฉีดมักใช้เมื่อผมร่วงเป็นหย่อมเล็กที่บริเวณหนังศีรษะหรือร่วงที่บริเวณคิ้วหรือหนวด การฉีดจะต้องฉีดทุกๆ 3-6 สัปดาห์ ถ้าเป็นในระยะแรกอาจรักษาโดยการใช้ยาสเตียรอยด์บริเวณที่หลุดร่วง อย่างไรก็ตามการทายาเพียงอย่างเดียวอาจได้ผลไม่ดีนัก เนื่องจากการดูดซึมของยาผ่านบริเวณหนังศีรษะจนถึงระดับของรากผมอาจน้อยกว่าปริมาณของยาที่ควรจะได้รับ การรักษาจะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน แม้การใช้ยาสเตียรอยด์ในรูปของยากินได้ผลดีในการลดผมร่วง แต่อาจพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้เนื่องจากต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานจนกว่าโรคจะสงบ หากหยุดยาก่อนผมจะกลับมาร่วงใหม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมใช้ในกรณีที่มีผมร่วงเป็นวงกว้างหรือมีขนร่วงร่วมด้วย หรือใช้ในช่วงแรกของการรักษาร่วมกับยาทา

2. ยาทาไมนอกซิดิล 5% (Topical minoxidil 5% solution)
ยาชนิดนี้สามารถกระตุ้นผมขึ้นใหม่ได้ ในช่วง 6-12 เดือนแรกของการรักษาอาการผมร่วง โดยการใช้ยาน้ำไมนอกซิดิล สูตร 5% นั้น ให้ทาตัวยาวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและก่อนนอนหลังการสระผม และรอจนกว่าผมและหนังศีรษะแห้งดีแล้ว วิธีการทายาให้ทาตัวยาโดยตรงที่บริเวณหนังศีรษะที่ต้องการจะปลูกผมให้ขึ้นมาใหม่ ทาได้ทั้งหนวด เครา คิ้ว ยาชนิดนี้สามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การขึ้นใหม่ของเส้นผมจะเริ่มสังเกตเห็นได้เมื่อใช้ยาต่อเนื่องประมาณ 3 เดือน ถ้าผมยังขึ้นหรือไม่เป็นที่น่าพอใจก็ให้เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของยา จากยาทาไมนอกซิดิล 5% เป็นยาทาไมนอกซิดิล 10% ได้ 

3. แอนทราลิน (Anthralin) ลักษณะเป็นผงถ่านสังเคราะห์ มีฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของภูมิคุ้มกันที่บริเวณผิวหนัง วิธีใช้ ให้ทายาทิ้งไว้ในบริเวณที่มีผมร่วง 20-60 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและผิวหนังบริเวณที่ทายามีสีคล้ำขึ้น ในบางครั้งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาผมร่วงเป็นหย่อมๆ

สำหรับอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดยมีการศึกษาในผู้ที่มีผมร่วงชนิดนี้ 736 คน พบว่ามีผู้ที่กลับเป็นซ้ำประมาณ 90% ภายใน 5 ปี ส่วนปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นการเกิดผมร่วงแบบนี้ ซึ่งพบประมาณ 15% ของผู้ป่วย คือ

  1. ภาวะความเจ็บป่วย เป็นไข้
  2. ยาบางชนิด
  3. การตั้งครรภ์
  4. อุบัติเหตุ การได้รับบาดเจ็บ
  5. ความเครียด ความกังวล หรือมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในชีวิตเกิดขึ้น แม้กระทั่งการฝันร้าย

ภาวะที่พบร่วมกับอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ

  1. ผื่นแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) พบร่วมได้ 9-26% โดยถ้าพบผื่นแพ้ผิวหนังร่วมด้วยถือว่าพยากรณ์ของโรคไม่ค่อยดี
  2. โรคด่างขาว (Vitiligo) พบร่วมได้ 1.8-3%
  3. โรคของต่อมไทรอยด์ (Thyroid disease) พบร่วมได้ 0.85-14.7%
  4. โรคของเส้นเลือดและคอลลาเจน (Collagen-vascular disease) พบได้ประมาณ 0.6-2%
  5. โรคกังวล (Anxiety) ภาวะทางจิต ผิดปกติเช่นซึมเศร้า, หวาดกลัว ร่วมได้ 17-22%

สำหรับแนวทางการรักษาโรค “ผมร่วงเฉพาะจุด” จะแตกต่างไป ดังนี้ 

  • การรักษาส่วนใหญ่นิยมใช้คอติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) มีทั้งในรูปของยาทาเฉพาะที่ ยากิน และยาฉีดเข้าผิวหนังบริเวณที่ผมร่วง แม้ผมจะขึ้นได้ประมาณ 90% ของผู้ที่รักษาและขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์หลังได้รับการรักษา และคงอยู่ประมาณ 3 เดือน
  • การใช้ยาไมนอกซิดิลเฉพาะที่นิยมใช้ความเข้มข้นที่ 5% บริเวณที่มีผมร่วงวันละ 2 ครั้ง พบว่าได้ผลประมาณ 8-45% และจะเริ่มเห็นผลหลังการใช้ 12 สัปดาห์ แต่จะต้องใช้ต่อเนื่องไปอีก ผลข้างเคียงของยาตัวนี้คือทำให้เกิดขนดกได้ (พบประมาณ 5%) และระคายเคือง (พบประมาณ 7%)
  • การใช้ยาอิมมูโนเฉพาะที่ (Topical immunotherapy) ได้ผลประมาณ 30-50% แต่ผลการรักษาค่อนข้างช้า คือ เริ่มเห็นผลการรักษาที่ 12 เดือนหลังการรักษา และการกลับมาเป็นซ้ำสูงถึง 63%
  • นอกจากนี้ยังมีการรักษาอื่นๆ อีก เช่น การใช้แสง PUVA, การให้เคมีบำบัดชนิดกินหรือฉีด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม และเลือกชนิดที่เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าก่อนเสมอ

 

ดร.พญ. พลินี รัตนศิริวิไล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง-เลเซอร์
ศูนย์ความงาม โรงพยาบาลพญาไท 1

นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...