หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า คุณภาพของการนอนเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาด้านสุขภาพได้เป็นอย่างดี หากการนอนมีปัญหาย่อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ในอนาคต เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันในปอดสูง รวมถึงการมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึ่งหากคุณมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้ แสดงว่าคุณกำลังมีปัญหาในการนอนแล้วล่ะ
ปัญหาเหล่านี้…ที่บอกได้ถึงคุณภาพการนอน
- คนใกล้ตัวบอกว่าคุณนอนกรนดังมาก หรือนอนกัดฟัน ละเมอ มีอาการขากระตุก และชอบฝันร้ายเป็นประจำ
- มีเสียงกรนที่ดังกว่าเสียงพูดปกติ หรือดังออกไปยังนอกห้องนอน
- มีการกรนๆ หยุดๆ นอนพลิกตัวบ่อยๆ
- รู้สึกหายใจลำบาก และสงสัยว่ามีการหยุดหายใจขณะหลับนอน
- หลับยาก หรือรู้สึกหลับไม่เต็มอิ่มเป็นประจำ
- นอนเยอะแต่ยังเพลีย หรือง่วงบ่อยในช่วงกลางวัน
- หลับๆ อยู่แล้วสะดุ้งตื่น พร้อมกับรู้สึกเหนื่อยจนต้องหายใจหอบ
- ไม่มีสมาธิในการทำงาน เกือบหลับใน หรือเกิดอุบัติเหตุบ่อยขึ้น
ทั้งหมดนี้ อาจเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งนับเป็นหนึ่งสัญญาณอันตรายที่นำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรัง ซึ่งการจะรู้ว่าอาการที่เป็นนั้นเกี่ยวข้องกับการนอนกรนโดยตรง หรือมีการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนต้นขณะนอนหลับหรือไม่ การทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาการนอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่าการทำ Sleep Test สามารถให้คำตอบนี้ได้
การทำ Sleep Test คืออะไร?
Sleep Test คือ การตรวจการทำงานของร่างกายในขณะนอนหลับ ด้วยการติดเครื่องมือต่างๆเพื่อจับสัญญาณการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพในการนอน การหายใจ การกรน และที่สำคัญคือ การตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยทีมแพทย์เฉพาะทางและนักเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการตรวจการนอนหลับโดยเฉพาะ
ขั้นตอนในการทำ Sleep Test ตรวจหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น Obstructive Sleep Apnea
ก่อนอื่น แพทย์จะทำการซักประวัติ สอบถามถึงปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนและการใช้ชีวิตประจำวัน ว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ เช่น ตื่นมาไม่สดชื่น ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ง่วงบ่อยในตอนกลางวัน รวมถึงการมีโรคประจำตัวต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง มีการตรวจร่างกาย จากนั้นผู้เข้ารับการทดสอบจะได้รับการจัดให้นอนในห้อง Sleep Lap 1 คืน เจ้าหน้าที่จะทำการติดเครื่องมือต่างๆ บริเวณศีรษะ ใบหน้า จมูก คาง หน้าอก ท้อง ปลายนิ้ว และขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อตรวจจับสัญญาณจากร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น
- จับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง
- ลมหายใจเข้าออก
- ระดับเสียงกรน
- ระดับออกซิเจน
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- การขยายตัวของปอดและท้อง
- การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อตา กล้ามเนื้อใต้คาง และขา
- ในบางกรณีอาจมีการตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น การบันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อนำมาประกอบการประเมินผล
การตรวจการนอนหลับหรือ Sleep Test นี้จะบอกได้ถึงระดับความรุนแรงและสาเหตุที่ทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี เพื่อการรักษาอย่างถูกต้องตรงจุด การตรวจด้วยวิธีนี้นับเป็นการตรวจที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในการวินิจฉัยโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea : OSA) การกระตุกของกล้ามเนื้อ รวมถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ
ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาการนอนกรน มีน้ำหนักตัวเกินมาก ผู้มีเส้นรอบวงคอมากกว่า 40 ซม. รวมถึงผู้ที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีภาวะชักขณะนอนหลับ หรือเป็นโรคลมหลับ (Narcolepsy) ผู้ป่วยโรคหัวใจ ไตวาย ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับที่ยังรักษาไม่หายหรือหาสาเหตุไม่พบ ก็ควรเข้ารับการทดสอบด้วยเช่นกัน
การวิเคราะห์และแปรผลตรวจ
เมื่อได้ผลจากการทำ Sleep Test แล้ว แพทย์จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแปลผลเพื่อวินิจฉัยความผิดปกติต่างๆ พร้อมทั้งประเมินความรุนแรง ซึ่งจะพิจารณาจากการหยุดหายใจขณะหลับ ระดับออกซิเจนในเลือดขณะหลับ ภาวะเคลื่อนไหวและพฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ นอนแขนขากระตุกขณะหลับ การละเมอ ภาวะนอนไม่หลับ และความผิดปกติอื่นๆ
ที่สำคัญคือ ตัวเลขของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น หรือ Apnea Hypopnea Index (AHI) ซึ่งจะบอกถึงระดับความรุนแรงของการหยุดหายใจ โดยคำนวณจากจำนวนการหยุดหายใจ (Apnea) คือ ภาวะที่อากาศไม่สามารถผ่านทางเดินหายใจได้ และการหายใจแผ่ว (Hypopnea) คือ ภาวะที่อากาศผ่านทางเดินหายใจลดลง หารด้วย Total Sleeptime หรือ ระยะเวลาที่หลับ คูณด้วย 60 ก็จะได้จำนวนครั้งที่เกิดภาวะปิดกั้นทางเดินหายใจในแต่ละชั่วโมง โดยความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จะแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้
- AHI น้อยกว่า 5 ต่อชั่วโมง หมายถึง ค่าปกติที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา
- AHI มากกว่าหรือเท่ากับ 5 แต่น้อยกว่า 15 ต่อชั่วโมง หมายถึงรุนแรงน้อย
- AHI มากกว่าหรือเท่ากับ 15 แต่น้อยกว่า 30 ต่อชั่วโมง หมายถึงรุนแรงปานกลาง
- AHI มากกกว่าหรือเท่ากับ 30 ต่อชั่วโมง หมายถึงรุนแรงมาก
ซึ่งแพทย์จะวางแนวทางการรักษาจากผลที่ได้ โดยความเห็นชอบร่วมกันกับผู้เข้ารับการตรวจต่อไป
คำแนะนำก่อนเข้ารับการตรวจ Sleep Test
- ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการทดสอบ
- นัดหมายกับทางโรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่จะเข้าตรวจ
- อาบน้ำสระผมก่อนมาโรงพยาบาล ไม่ใส่น้ำมัน ฉีดสเปรย์ หรือครีมแต่งผมใดๆ เพราะอาจเป็นอุปสรรคในการติดอุปกรณ์การตรวจบริเวณศีรษะ
- งดดื่มกาแฟ ชา เครื่องดื่มคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 24 ชม. ก่อนตรวจ
- งดการงีบหลับในเวลากลางวันของวันที่มาตรวจ เพื่อให้นอนหลับได้ตามปกติในคืนที่ทำการทดสอบ
- จดชื่อยา ขนาดยา พร้อมทั้งนำยาทุกชนิดที่รับประทานอยู่ติดตัวมาด้วย หากมีข้อสงสัยควรแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่
การตรวจ Sleep Test นับว่าให้ผลดี และเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เพราะหากพบความผิดปกติใดๆ ขณะตรวจ เจ้าหน้าที่ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาจะทำการแจ้งแก่แพทย์ในทันที ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ลดปัญหาการนอนกรน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายเรื้อรัง และให้ทุกๆ เช้าเป็นเช้าที่สดใสกระปรี้กระเปร่าของคุณ การใส่ใจในคุณภาพของการนอนคือสิ่งสำคัญที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม