ชายรักชายได้อย่างอุ่นใจ ต้องใส่ใจตรวจสุขภาพอะไรบ้าง?

พญาไท 3

1 นาที

อ. 17/01/2023

แชร์


ชายรักชายได้อย่างอุ่นใจ ต้องใส่ใจตรวจสุขภาพอะไรบ้าง?

‘ความรักทำให้โลกสวยงาม’ เป็นคำที่มีความหมายไม่เฉพาะแค่ “ชายกับหญิง” เท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็น ‘ความรักแบบชาย-ชาย’ หรือ ‘หญิง-หญิง’ หรือความรักในรูปแบบใดก็ตาม หากเกิดจากความรู้สึกที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ สดใส และสวยงามขึ้นได้ทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในทุกคู่ความสัมพันธ์ จำเป็นจะต้อง ใส่ใจในเรื่องของการตรวจสุขภาพ ทั้งกับตนเองและกับคู่รักให้มากด้วย เพราะไม่เช่นนั้นความรักของเราอาจถูกบั่นทอนจากโรคภัยไข้เจ็บรวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่ง ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบชายรักชายนั้นจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าหรือแตกต่างจากคู่รักเพศอื่นอย่างไร? วันนี้เราจะมาทราบไปพร้อมๆ กัน

ทำไมชายรักชายจึงเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายกว่า?

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมความสัมพันธ์แบบชายรักชายจึงมีโอกาสเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น คำตอบก็คือ ‘เพราะการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักนั้น จะมีโอกาสเกิดการเสียดสีที่ทำให้เกิดแผลหรือมีเลือดออกได้ง่ายกว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด’ จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูงกว่า ส่วนในกรณีความสัมพันธ์แบบหญิงกับหญิง ในการมีเพศสัมพันธ์มักไม่มีการสอดใส่ หรือหากมีการใช้ Sex Toy ก็ไม่ได้เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดบาดแผลเพิ่มขึ้นมากนัก รวมถึงไม่ได้มีการหลั่งสารคัดหลั่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ด้วย จึงทำให้โอกาสในการติดเชื้อนั้นมีน้อยกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น

ชายรักชายให้ปลอดภัย ควรตรวจสุขภาพป้องกันโรคอะไรบ้าง?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในรูปแบบความสัมพันธ์ของชายรักชายนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายโรค โดยมีทั้งกลุ่มโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียว และโรคที่ติดต่อได้ทั้งทางเพศสัมพันธ์และทางเลือด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วที่ควรเฝ้าระวังและควรมีการตรวจสุขภาพให้มั่นใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ก็เช่น ซิฟิลิส หนองใน หูดหงอนไก่ การติดเชื้อ HIV ที่อาจนำไปสู่การโรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบบี ซี และเอ เป็นต้น ซึ่งโรคดังกล่าวจะมีโอกาสติดเชื้อได้ผ่านทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและทางปากหรือออรัลเซ็กส์นั่นเอง

 

โดยคำแนะนำสำหรับการตรวจสุขภาพ คือ ควรเริ่มต้นจากการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและเอก่อน ซึ่งหากปรากฏว่าไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ก็สามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน ซึ่งจะทำให้ปลอดภัยจาก 2 โรคนี้ได้ทันที ในขณะที่การติดเชื้อ HIV และโรคอื่นๆ นั้น ควรได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุก 3 เดือน หรือขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของทั้ง 2 ฝ่ายว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

ฝ่ายรับหรือฝ่ายรุกในชายรักชาย ใครมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่ากัน?

หากมองกันที่รูปแบบของความสัมพันธ์แล้ว หลายคนอาจรู้สึกว่า “ฝ่ายรุก” ไม่น่ามีโอกาสติดเชื้อ เพราะไม่มีความเสี่ยงที่จะเลือดออกหรือเกิดบาดแผลได้เหมือนกับ “ฝ่ายรับ” แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือรับก็มีโอกาสติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งสิ้น แต่โอกาสในการติดเชื้อนั้น ฝ่ายรับจะมีสูงกว่าฝ่ายรุก เช่น โอกาสในการติดเชื้อ HIV นั้น ฝ่ายรับจะมีความเสี่ยงอยู่ที่ 0.5-30% ในขณะที่ฝ่ายรุกจะมีความเสี่ยงอยู่ที่ 0.1% ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพและความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์เสมอ

Lifestyle ชายรักชายแบบไหน? ควรใส่ใจการตรวจสุขภาพมากที่สุด 

ความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของกลุ่มชายรักชายนั้น สามารถแบ่งได้ตามไลฟ์สไตล์ หรือวิถีการใช้ชีวิต โดยหากเป็นกลุ่มที่ยึดมั่นในคู่ของตัวเองคนเดียว คือรักเดียวใจเดียวไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใครคนอื่น ก็จะถือว่ามีความเสี่ยงน้อย สามารถตรวจสุขภาพได้ก่อนมีเพศสัมพันธ์กันในครั้งแรกเพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย และหลังจากนั้นก็อาจไม่จำเป็นต้องตรวจบ่อย

 

แต่สำหรับกลุ่มที่เป็น Multi Partner หรือมีคู่นอนหลายคน มีการสลับคู่นอนบ่อยๆ หรือในบางคนที่มีอาชีพเป็น Sex Worker หรือมีคู่ของตัวเองนั้นเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว ก็ควรได้รับการตรวจสุขภาพที่บ่อยและสม่ำเสมอกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโรคที่กังวลด้วย อย่างเช่นโรคเอดส์ที่สามารถเกิดได้จากการติดเชื้อ HIV ควรตรวจเป็นประจำทุก 3 เดือน หรืออาจต้องมีการใช้ยาต้านไวรัสร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์

คู่รักทุกเพศ ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบชายรักชาย หญิงรักหญิง หรือความสัมพันธ์แบบชายหญิง การให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเกิดติดโรคขึ้นมา ความสุขที่เคยมีก็อาจกลายเป็นความทุกข์

 

อย่างไรก็ตาม แม้การตรวจสุขภาพจะช่วยให้เราอุ่นใจได้ในการลดความเสี่ยง แต่ในบางกรณีอาจตรวจไม่พบเชื้อ ด้วยเชื้อจะมีการหลบซ่อน หรือเราอาจได้รับเชื้อภายหลังเมื่อผ่านการตรวจไปแล้ว จึงทำให้เกิดความเสี่ยงได้อยู่ดี

 

ดังนั้น ในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง สำหรับรูปแบบความสัมพันธ์แบบชาย-ชาย และชาย-หญิง จึงควรสวมถุงยางอนามัยเสมอ เพราะ ‘การสวมถุงยางอนามัยจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้มากกว่า 90% ไม่ว่าจะเป็น HIV ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม รวมถึงโรคอื่นๆ อีกหลายโรคด้วย’

 

พญ.สุพิชชา องกิตติกุล
อายุรแพทย์ อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ
ศูนย์อายุรกรรมโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพญาไท 3


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

รู้ไว้! ใช้ PrEP และ PEP อย่างถูกวิธี ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ HIV ได้มากขึ้น

พญาไท 3

ทั้ง PrEP และ PEP คือยาป้องกันการติดเชื้อ HIV แต่ PrEP ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ก่อนที่จะมีความเสี่ยง ส่วน PEP ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากที่ได้รับความเสี่ยงมาแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมง

“ฝีดาษลิง” ใกล้ตัวเราแค่ไหน ผื่นแบบใดที่ต้องระวัง!

พญาไท 3

ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมักมีอาการไม่รุนแรง จะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย และมีผื่นตามใบหน้า แขน ขา ซึ่งมักจะปรากฏขึ้นหลังจากเป็นไข้ได้ 3 วัน

ไข้เลือดออก เป็นแล้ว เป็นซ้ำอีก ยิ่งอันตราย

พญาไท 3

คนหนึ่งคนสามารถเป็นไข้เลือดออกได้มากกว่าหนึ่งครั้งและในครั้งถัดมาของการติดเชื้อ อาการของโรคมักจะหนักมากกว่าครั้งก่อน มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะในการได้รับเชื้อไข้เลือดออก

ทำอย่างไร เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV

พญาไท 3

คนส่วนใหญ่มักกลัวการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การอยู่กับผู้ติดเชื้อจะไม่ได้ทำให้คนในบ้านติดเชื้อได้ หากเรามีการป้องกันและดูแลสุขอนามัยที่ดี โอกาสเสี่ยงก็แทบจะไม่มีเลย