เด็กอ้วนเสี่ยงอะไร? และทำไมการตรวจสุขภาพเด็กจึงสำคัญ

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

พฤ. 26/01/2023

แชร์


Loading...
เด็กอ้วนเสี่ยงอะไร? และทำไมการตรวจสุขภาพเด็กจึงสำคัญ

คนส่วนใหญ่มักรู้สึกว่า เด็กน้อยที่จ้ำม่ำนั้นเป็นเด็กที่น่ารักน่ากอด ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ความน่ารักของ ‘เด็กอ้วน’ มักแฝงไปด้วยอันตราย เพราะภาวะอ้วนในเด็กจะนำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพ ของตัวเด็กเอง ทั้งนี้จากสถิติทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปัจจุบัน มีเด็กที่เข้าข่ายเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า วันนี้เราจึงอยากชวนมาหาคำตอบกันว่า เด็กอ้วนจะเสี่ยงต่อภาวะหรือโรคอะไรได้บ้าง และควรระมัดระวัง ‘ภาวะอ้วนในเด็ก’ อย่างไร?

จะรู้ได้อย่างไรว่า ‘เด็กมีภาวะอ้วน’ แล้ว ?

  1. คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองสามารถสังเกตได้เอง จากการเทียบรูปร่างและน้ำหนักตัวของลูกกับเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน ซึ่งหากพบว่าเด็กมีน้ำหนักตัวเกินมากควรปรึกษาแพทย์
  2. คำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) โดยใช้สูตร
    • น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
    • เช่น น้ำหนัก 40 kg. ส่วนสูง 110 cm. หรือ 1.10 m.
    • BMI จะเท่ากับ 40 / (1.10×1.10) = 33.05 kg./m²

แล้วนำตัวเลข BMI ที่ได้ไปเทียบกับกราฟเปอร์เซ็นต์ไทล์ โดยแยกตามเพศ อายุ หากมากกว่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 85 จะถือว่ามีภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้มาก

เด็กอ้วนมักมีปัญหาสุขภาพ

ภาวะอ้วนในเด็ก นำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งหลายคนยังเข้าใจผิดว่าโรคเหล่านี้พบได้ในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงแล้วอาจเกิดได้ตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะในเด็กอ้วนจะมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้ได้มากกว่าเด็กที่มีน้ำหนักตัวปกติ หรือในกรณีที่ยังไม่แสดงอาการในตอนเด็กเพราะยังมีปัญหาไม่มาก ก็มักไปแสดงผลในตอนที่เด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

นอกจากนี้ ความอ้วนยังอาจทำให้เกิดภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) ซึ่งในบางกรณีอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ในด้านจิตใจ เด็กอ้วนมักถูกเพื่อนล้อเลียน ถูกรังแกในโรงเรียน (Bully) เล่นกีฬาไม่ทันเพื่อนเพราะไม่คล่องแคล่ว หรือป่วยบ่อย สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง เสียบุคลิกภาพ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าได้

คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกินอย่างไร ? 

1. ควบคุมปริมาณและเลือกอาหารที่เหมาะสมให้ลูก
ควรดูแลอาหารการกินของลูกให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ โดยให้มีการทานผักกับผลไม้ไม่หวานมากขึ้น เน้นอาหารที่มีกากใยสูงซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย จัดอาหารที่ไม่มันมาก ไม่หวานจัด ไม่เค็มจัด หรือรสจัดเกินไป โดยเฉพาะไม่ควรให้ทานขนมกรุบกรอบบ่อยเกินไป หรือพาไปกินอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ให้พลังงานสูงเป็นประจำ

2. ส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมที่ได้ขยับร่างกายและออกกำลังกาย
ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน จากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้เด็กๆ ไม่ค่อยได้ขยับร่างกายหรือออกกำลังกาย ดังนั้นควรจัดกิจกรรมในครอบครัวโดยให้ทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกัน เน้นกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก เช่น เล่นกีฬาประเภทต่างๆ อย่างว่ายน้ำ หรือเล่นเกม ปลูกต้นไม้ ทำงานบ้านกับคุณพ่อคุณแม่

3. ให้ลูกเข้านอนตรงเวลาและพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและเข้านอนตรงเวลาตั้งแต่หัวค่ำ จะช่วยให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมและมีผลดีต่อระบบการเผาผลาญ การนอนหลับไม่เพียงพอหรือนอนดึกจะทำให้ระบบการเผาผลาญลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคอ้วน

4. พาลูกไปพบคุณหมอและตรวจสุขภาพอยู่เสมอ
การตรวจสุขภาพเด็กเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้พบปัญหาและได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งยังได้รับทราบเกี่ยวกับสุขภาพและพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัยว่ามีสิ่งใดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ จะได้นำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีผลต่อน้ำหนักตัวและการเจริญเติบโตของลูกน้อยด้วย

โดยทั่วไปแล้ว ‘การตรวจสุขภาพเด็ก’ นั้น แพทย์จะทำการตรวจสุขภาพพื้นฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิต ชีพจร ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันในเลือด การทำงานของต่อมไทรอยด์ และอื่นๆ เพื่อคัดกรองโรคต่างๆ ในเด็ก นอกจากนี้ยังมีการคำนวณค่า BMI จากน้ำหนักและส่วนสูงว่าสัมพันธ์กันหรือไม่ หากเด็กมีแนวโน้มเสี่ยงโรคอ้วน หรือโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน จะได้รีบป้องกันหรือดูแลรักษาอย่างทันท่วงที

จะเห็นได้ว่า ‘ภาวะอ้วนในเด็ก’ จะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมของเด็ก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกแข็งแรง มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย และห่างไกลจากโรค


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...