“ทำงานติดพัน ชอบกลั้นปัสสาวะนานๆ มีเลือดปนเวลาปัสสาวะ อย่าเพิ่งคิดว่าคืออาการ ‘กระเพาะปัสสาวะอักเสบธรรมดา’ เพราะอาจเป็นสัญญาเตือนของ ‘มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ’ ซึ่งหากพบอาการผิดปกติแบบนี้ก็ไม่ควรชะล่าใจ ให้รีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพราะการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งได้เร็วเท่าไหร่ ก็มีโอกาสรักษาให้หายขาดสูงขึ้นเท่านั้น”
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ตรวจพบไว ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ขึ้นชื่อว่ามะเร็ง ไม่ว่าจะเกิดที่อวัยวะใด ก็มักทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลเหมือนๆ กัน และกับมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ที่แม้จะพบไม่บ่อย แต่ก็ถือเป็นภัยเงียบเพราะมักตรวจพบได้ช้า เนื่องจากอาการเริ่มต้นจะคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบซึ่งพบได้บ่อยกว่ามาก การไม่ได้รับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือมีความสงสัยที่ทำให้เกิดการตรวจอย่างละเอียด ก็อาจทำให้ตรวจไม่พบ กว่าจะรู้ตัวอีกทีมะเร็งก็เข้าสู่ระยะลุกลามรุนแรงที่รักษาได้ยากแล้ว ซึ่งสำหรับเรือโทหญิง กุลนัทธี อ่อนศรี หรือ พี่บี พยาบาลหัวหน้าแผนก UR OPD นั้นนับว่าโชคดีมาก เพราะแพทย์ตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะแรก จึงทำให้สามารถรักษาและควบคุมอาการได้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน
เพราะคุณหมอมีความเชี่ยวชาญ
จึงมองเห็นสัญญาณเตือนมะเร็ง
ที่คนอื่นมองไม่เห็น
ก่อนหน้าที่พี่บีจะทราบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ พี่บีประสบปัญหามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบมาก่อนบ้างอยู่แล้ว ซึ่งพอมีอาการปัสสาวะแล้วมีเลือดออกก็เลยไม่ได้กังวลอะไร คิดว่าคงเป็นแค่กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่พอไปพบคุณหมอก็ได้รับคำแนะนำให้ตรวจอย่างละเอียด จึงพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะแรก
“คือตอนนี้พี่เป็นในระยะเริ่มต้น จึงยังควบคุมได้อยู่
พี่ตรวจเจอเร็วเพราะอาจารย์ ขนาดพี่เป็นพยาบาลเอง พี่ยังไม่คิดเลยว่าเป็นมะเร็ง
พี่คิดว่าเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบ ที่คงเรื้อรัง เพราะเราทำงานติดพันมาก
ไม่ค่อยอยากลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ก็กลั้นบ่อย
ก็เป็นแนวโน้มที่ทำให้มีโอกาสเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบได้
แต่อาจารย์บอกว่าให้ตรวจละเอียดเลย เพราะอายุเข้า 50 แล้ว
มีความเสี่ยง แล้วก็เป็นจริงๆ”
แม้จะเศร้าใจ
แต่ก็ต้องก้าวไปต่อ
แผนการรักษาจึงเกิดขึ้น
หลังจากที่คุณหมอตรวจพบว่าก้อนเนื้อหน้าตาเหมือนกับมะเร็ง จึงแนะนำให้ผ่าตัดชิ้นเนื้อก้อนนั้นออก แล้วค่อยนำเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ เพื่อให้เจ็บแค่ครั้งเดียว ซึ่งผลก็ปรากฏว่าเป็นเนื้อร้ายอย่างที่คุณหมอประเมินไว้ ซึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แม้จะคิดไว้แล้ว เตรียมใจไว้แล้ว ว่าตัวเองคงมีโอกาสเป็นแน่ ๆ เพราะคนในครอบครัวฝั่งผู้หญิงก็เป็นมะเร็งกันหมด แต่ก็รู้สึกเสียใจอยู่ดี เพราะห่วงลูก แต่พี่บีก็ไม่ได้เสียใจนาน เพราะเข้าใจดีว่าจะต้องเดินหน้าต่อไป และมีโอกาสรักษาหายได้ เพราะตรวจเจอตั้งแต่ระยะแรกๆ
“พอรู้ว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเราก็อึ้งๆ ก็ฝืนยิ้ม แต่ยิ้มได้ไม่นาน
พอเห็นลูกก็ปล่อยโฮเลย เพราะพี่เป็นห่วงลูกมากกว่า แต่ก็แป๊บเดียวนะ
เพราะเราก็หันกลับมามองว่าต้องเดินหน้าต่ออย่างไร จะวางแผนอนาคตอย่างไร
ซึ่งสิ่งที่ช่วยประคองเราได้มากที่สุด คือ ครอบครัว
เพื่อนร่วมงาน คนรอบตัว และที่สำคัญคือคุณหมอ”
ผ่าตัด ให้ยา ติดตามผล
สู้ฝ่าฟันจนกว่าจะหายดี
การผ่าตัดในครั้งแรกของพี่บีนั้น ถือเป็นการรักษาไปด้วยพร้อมกันในตัว เพราะมะเร็งกระเพาะปัสสาวะของพี่บีเป็นในขั้นเริ่มต้น แต่ทั้งนี้ คุณหมอก็ได้วางแผนการรักษาต่อเนื่องด้วยการนัดส่องกล้องทุกๆ 3 เดือน ซึ่งก็พบว่ามีก้อนมะเร็งขึ้นมาใหม่อีก ทำให้พี่บีต้องผ่าตัดอีก 2 ครั้ง โดยหลังการผ่าตัดครั้งที่ 3 คุณหมอได้เลือกรักษาพี่บีต่อด้วยการให้ยา ซึ่งแน่นอนว่ามีผลข้างเคียงจากการใช้ยาเกิดขึ้น แต่คุณหมอก็ดูแลอย่างดี จนปัจจุบันที่ได้ทำการตรวจส่องกล้องครั้งล่าสุดก็ไม่พบก้อนมะเร็งอีกแล้ว
“พี่ว่าจริงๆ แล้วตัวมะเร็งอาจไม่ได้สร้างความทุกข์ให้เราหรอก
ความทุกข์จริงๆ เกิดจากการพยากรณ์โรค แล้วก็การอยู่กับการรักษามะเร็งมากกว่า
ที่เราต้องสู้กับผลลัพธ์ กับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นให้ได้
ซึ่งคุณหมอน่ารักมาก ใจเย็น รับฟังความทุกข์ของเราทั้งหมด
ไม่ว่าจะต้องรักษาหรือไม่รักษา คุณหมอก็จะรับฟัง
ให้นั่งบ่น แล้วปลอบให้สบายใจ จนผ่านมาได้ทุกครั้ง
จน Follow Up ครั้งล่าสุดไม่เจอแล้ว”
อุ่นใจในการรับการรักษา
เพราะเหมือนเราไม่ได้เป็นลูกค้า
แต่เป็นญาติของเขาคนหนึ่ง
พี่บีเล่าให้ฟังถึงความประทับใจในการรักษา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปว่า ทั้งคุณหมอและน้องๆ พยาบาลทุกคนให้การดูแลพี่บีอย่างดี ไม่ได้มองแค่ว่าพี่บีเป็นลูกค้า แต่ดูแลพี่บีเหมือนญาติ เหมือนพี่ที่สนิทคนหนึ่ง จึงค่อนข้างอบอุ่นใจ และคลายความกังวลลงไปได้มาก
“น้องๆ ไม่ได้มองว่าเราเป็นลูกค้า
เขาให้บริการเราอย่างเต็มที่
จนพี่ค่อนข้างอบอุ่นใจ
เขาให้บริการเราเหมือนญาติมิตร
คุณหมอเองก็ดูแลเราเหมือนญาติคนหนึ่ง
เจอหน้าเรา ก็จำเราได้ คุยกับเราได้เลย
ไม่ต้องไปเปิดแฟ้มดูข้อมูลก่อน
จึงสร้างความมั่นใจให้เรามากๆ”
จริงๆ แล้วมะเร็งกระเพาะปัสสาวะไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าเราดูแลตัวเองดี การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งถึงแม้จะป้องกันได้ยาก แต่ก็มีแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้เราเสี่ยงน้อยลงได้ ดังนั้น การตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกปี การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ ซึ่งเมื่อพบแล้วไม่นิ่งเฉย รีบเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ช่วยคัดกรองตัวเราให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ หรือหากเป็นมะเร็งขึ้นมาจริงๆ ก็จะได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และมีโอกาสหายขาดได้มากขึ้นเหมือนอย่างที่พี่บีเข้ารับการรักษาตั้งแต่ในระยะแรกๆ
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็ง คือ กำลังใจ ต้องไม่คิดกังวลไปก่อนล่วงหน้า แต่ควรค่อยๆ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ววางแผนการรักษาไปทีละขั้น เพราะถ้ามีกำลังใจดี มีแผนการรักษาที่ดี โอกาสที่จะรักษาและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพก็มีสูงขึ้น ซึ่งพี่บีได้ทิ้งท้ายให้กำลังใจกับผู้ป่วยมะเร็งทุกคนเอาไว้ว่า
“เวลารักษาอยากให้ทุกคนอยู่กับปัจจุบันคะ
ค่อยๆ ก้าว มองก้าวต่อไปทีละก้าว
อย่าเพิ่งไปมองที่ก้าวสุดท้าย มันจะไกลมาก
ซึ่งมันจะทำให้เราท้อ กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ป่วย
และเป็นกำลังใจให้กับญาติผู้ป่วยทุกคนนะคะ”
คุณกุลนัทธี อ่อนศรี
ศูนย์ทางเดินปัสสาวะและโรคนิ่ว
โรงพยาบาลพญาไท 3